รบ.เศรษฐาเดินหน้า ฝ่าด่าน ‘4P’ เร่งสปีดผลงาน

รบ.เศรษฐาเดินหน้า
ฝ่าด่าน ‘4P’
เร่งสปีดผลงาน

หลังนำคณะร่วมเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน 2566 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อประกาศความพร้อมต่อเวทีโลกและผู้นำชาติต่างๆ ของประเทศไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ด้านการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

โดยใช้หลักเศรษฐกิจนำการเมือง ในการเร่งขับเคลื่อนผลงานรัฐบาลเศรษฐา ที่ต้องทุ่มแบบหมดหน้าตักตามคำประกาศของนายกฯ

เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว “เศรษฐา” นำคณะเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาต่อในทันที ด้วยการนำคณะเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 กันยายน เพื่อกระชับความสัมพันธ์และหารือทวิภาคี กับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อเดินหน้าความร่วมมือในหลายมิติทั้งด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ ความมั่นคงพื้นที่ชายแดน ความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้งเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาด้วย ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกฯคนที่ 30 ของไทย

Advertisement

ขณะเดียวกัน นายกฯเศรษฐายังเดินหน้าการทำงานด้วยยุทธศาสตร์ 2 ขา ทั้งเวทีโลก และลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อรับฟังความคิดเห็น การสะท้อนปัญหาของประชาชนในภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำมาเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลแบบ “ควิกวิน” ที่รัฐบาลเศรษฐาประกาศไว้ตั้งแต่วันแรกของการทำหน้าที่นายกฯคนที่ 30 ที่ “เศรษฐา” ระบุผ่านหลายเวทีไว้ว่า รัฐบาลชุดนี้ใช้ต้นทุนการตั้งรัฐบาลแบบหมดหน้าตัก จึงต้องใช้ผลงานของรัฐบาลเพียงอย่างเดียวในการลดต้นทุนที่เสียไป ด้วยการเร่งสร้างผลงานโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ อย่างเรื่องการท่องเที่ยวที่สามารถเดินหน้าทำงานได้ทันที ผ่านมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อนุมัติให้เดินหน้ามาตรการวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและประเทศคาซัคสถาน ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนนี้ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567

รวมทั้งมาตรการลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 3.99 บาท และลดค่าน้ำมันดีเซล เหลือลิตรละไม่เกิน 30 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการแก้ปัญหาค่าครองชีพและลดต้นทุนการผลิต อันจะส่งผลต่อปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านคำยืนยันของ “เศรษฐา” ที่ระบุว่า นโยบายใดที่เริ่มนับหนึ่งทำได้ให้ทำทันที หากติดขัดที่ระเบียบ กฎเกณฑ์ก็ให้แก้ที่ระเบียบ หากติดอุปสรรคที่ตัวบุคคลก็ปรับเปลี่ยนคน เพื่อไปสู่เป้าหมายให้นโยบายของรัฐบาลเดินหน้าต่อได้

นโยบายของรัฐบาลจะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายได้หรือไม่ ปัจจัยสำคัญ คือ การมอบหมายให้บุคคลไปขับเคลื่อนงาน อย่างนโยบายด้านการเมือง อาทิ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมี “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้กำกับดูแล นโยบายด้านซอฟต์เพาเวอร์ นอกจากนายกฯจะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติเองแล้ว ยังมี “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธานคณะกรรมการฯ โดยมีทีมคิดจากกลุ่มแคร์และอดีตนักการเมืองตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยมาร่วมขับเคลื่อน ส่วนงานด้านเศรษฐกิจ นายกฯพร้อมกับ ครม.ของพรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้ขับเคลื่่อนในภาพรวม

Advertisement

แต่ปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลเศรษฐาจะต้องเผชิญอันมีผลต่อการเดินหน้านโยบายของนายกฯเศรษฐา ตามคำเตือนของผู้มากประสบการณ์ทั้งในด้านการเมือง ด้านกฎหมาย และการบริหารราชการแผ่นดิน อย่าง “วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย และอดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ผ่านการทำงานร่วมกับอดีต ครม.หลายสมัย

โดย “วิษณุ” แนะนำว่า รัฐบาลต้องรู้ว่ามีการติดขัด ตัว P 4 ตัว โดย P1 Power อยากทำ แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ เหตุที่ไม่มีอำนาจเพราะติดข้อกฎหมาย ส่วน P2 Public budget อยากทำ มีอำนาจ แต่ติดที่งบประมาณ ส่วน P3 Personnel ติดที่บุคลากร อยากทำ แต่ไม่มีคนที่มีความรู้เรื่องนั้นๆ เช่นเรื่อง ดิจิทัลทั้งหลาย และ P4 Public opinion ติดที่ความเห็นประชาชน มีเงิน มีงบประมาณและมีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงมีบุคลากรที่จะทำ แต่ประชาชนยังไม่ยอมรับ จึงยังทำไม่ได้ ฉะนั้น จะต้องเห็นใจรัฐบาลในทุกรัฐบาลที่จะเจอสภาพ 4P นี้

ดังนั้น นายเศรษฐาจะทำงานแบบ only one เศรษฐาไม่ได้ จะต้องมีคนเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อมีปัญหาก็ต้องค่อยๆ แก้ไป ก็จะคลี่คลายความยุ่งยากเข้าไปได้

เสียงเตือนผนวกกับการแนะนำของ “วิษณุ” ในฐานะอดีตรองนายกฯ ที่มีประสบการณ์ทำงานกับหลายรัฐบาลและระบบราชการ โดยเฉพาะปัจจัย 4P ที่ทุกรัฐบาลจะต้องเผชิญ ไม่เว้นรัฐบาลเศรษฐา ซึ่งทั้ง 4P ล้วนท้าทายภาวะผู้นำและการบริหารจัดการ ของ “เศรษฐา” ในฐานะเบอร์หนึ่งของฝ่ายบริหาร กับตำแหน่งนายกฯคนที่ 30 เพื่อเดินหน้าสร้างผลนโยบายของรัฐบาลแบบหมดหน้าตัก ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่เพียงใด โดยมีอนาคตของพรรค พท.เป็นเดิมพัน ผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image