‘รบ.อุ๊งอิ๊ง’ ลุยทันที พิสูจน์ฝีมือบริหาร มีกิน-มีใช้-มีศักดิ์ศรี

‘รบ.อุ๊งอิ๊ง’ลุยทันที
พิสูจน์ฝีมือบริหาร
มีกิน-มีใช้-มีศักดิ์ศรี

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายนที่ผ่านมา ตามไฟต์บังคับของรัฐธรรมนูญ มาตรา 162

โดยนายกฯ แพทองธาร ประกาศ 10 นโยบายเร่งด่วนทำทันที คือ 1.การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและในระบบที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงิน

2.ส่งเสริมและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งต่างชาติ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์

Advertisement

3.ออกมาตรการเพื่อลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ด้วยการปรับโครงสร้างราคาพลังงานและเร่งปรับปรุงกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น ทำสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรง

พัฒนาระบบสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง สำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม และเจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน ตลอดสาย

Advertisement

4.สร้างรายได้ใหม่ด้วยนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุขและสาธารณูปโภค

5.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก 6.ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย และเร่งเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและราคาพืชผล

7.เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)

8.แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร 9.เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

และ 10.ส่งเสริมศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะตั้งใจบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดประโยชน์ประชาชน และประเทศ

โดยจะสร้างโอกาสเท่าเทียม ให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่ประเทศ

ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายเสนอแนะทวงถามนโยบายที่สำคัญๆ ทั้งโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต

นโยบายเรือธงของพรรค พท. จากเดิมที่ตั้งเป้าจะให้ใช้จ่ายผ่านระบบบล็อกเชน แต่ล่าสุดมีการปรับมาจ่ายเป็นเงินสดผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน

ได้รับสิทธิดังกล่าวก่อน เนื่องจากมีข้อท้วงติงและติดกรอบของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง รวมทั้งเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้ ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนนอกเหนือจากกลุ่มเปราะบาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จะพิจารณาถึงรูปแบบและวิธีการจ่ายเงินอีกครั้ง เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯในฐานะผู้นำรัฐบาล ควรต้องระบุความชัดเจนทั้งรูปแบบการแก้ไขว่าจะเป็นการแก้ไขแบบรายมาตรา หรือยกร่างใหม่ทั้งฉบับ

ไทม์ไลน์ กรอบเวลาในการแก้ไขที่ชัดเจน รวมทั้งนโยบายแลนด์บริดจ์ การปฏิรูประบบราชการ ระบบงบประมาณ โครงสร้างภาษี การกระจายอำนาจ ถึงการชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลา 3 ปี

ของรัฐบาลแพทองธารได้หรือไม่ ถือเป็นคำถามข้อใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องตอบ

ภายหลังที่รัฐบาลแพทองธารแถลงนโยบายเรียบร้อย พร้อมกับได้รับข้อเสนอแนะจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน จากนี้คือ การเดินหน้าบริหารงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
นายกฯ และครม.ทั้ง 36 คน

แบบทำทันที ชนิดที่ไม่มีช่วงฮันนีมูน เพราะเป็นการทำงานต่อเนื่องจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่กรุยทางวางรากฐานเอาไว้ให้แล้ว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่รอพิสูจน์ภาวะผู้นำ

และการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤต ของนายกฯ และครม.

อีกทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ซึ่งจะเป็นอีกโจทย์หินท้าทายฝีมือการบริหารของนายกฯ แพทองธาร ว่าจะสร้างความสำเร็จ ได้เหมือนรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นพ่อได้หรือไม่

ด้วยเพราะมีปัจจัยหนุนอย่างเสียง ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีกว่า 300 เสียง การเดินหน้าขับเคลื่อนงานของรัฐบาล ผ่านกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งการออกกฎหมายเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญๆ ของรัฐบาล

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยความที่กุมเสียงข้างมากไว้ ย่อมไม่มีผลกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะเก้าอี้ นายกฯ

ขณะที่เอกภาพและความเข้มแข็งของพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภา คงหวังได้เพียงแค่พรรค ปชน. ที่มีอยู่ 143 เสียง ที่การทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาตามจุดยืนของพรรค ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น

อย่าง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 40 เสียง แต่ไม่มีความเป็นเอกภาพ เกิดสภาพ 1 พรรค 2 ฝ่าย เพราะมีการแบ่งขั้ว เป็นทั้งฝ่ายรัฐบาล ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ประมาณ 20 เสียง

กับกลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่มี ส.ส. 20 เสียง ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พร้อมกับมีคลิปเสียงหลุดออกมาดิสเครดิต สั่งคลอนความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

นับจากนี้คือการเดินหน้าพิสูจน์ฝีมือบริหารประเทศของ น.ส.แพทองธาร นายกฯ และครม. ด้วยการสร้างผลงานที่จับต้องได้ ตามที่ได้ประกาศ 10 นโยบายเร่งด่วนต่อรัฐสภาไว้

โดยมีเคพีไอทั้งตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะออกมาในทุกไตรมาส หากทำได้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจะออกมาในเชิงบวก เกิดการยอมรับและความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วน

พร้อมกับต้องเตรียมตัวเผชิญกับปัจจัย 4 P เหมือนเมื่อครั้งที่ “วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกฯ เคยเตือนรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ไว้ว่า ทุกรัฐบาล จะเผชิญกับ P 4 ตัว

โดย P1 Power อยากทำ แต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ เหตุที่ไม่มีอำนาจเพราะติดข้อกฎหมาย P2 Public budget อยากทำ มีอำนาจแต่ติดที่งบประมาณ

ส่วน P3 Personnel ติดที่บุคลากร อยากทำแต่ไม่มีคนที่มีความรู้เรื่องนั้นๆ เช่น เรื่องดิจิทัลทั้งหลาย P4 Public opinion ติดที่ความเห็นประชาชน มีเงิน มีงบประมาณและมีอำนาจตามกฎหมาย

รวมถึงมีบุคลากรที่จะทำ แต่ประชาชนยังไม่ยอมรับจึงยังทำไม่ได้

ทั้งปัจจัยบวกและลบ คือ สิ่งที่รัฐบาลแพทองธาร 1 ต้องเตรียมพร้อมเผชิญในการเดินหน้าบริหารงานในห้วง 3 ปีนับจากนี้ โดยมี “ผลงาน” เป็นเคพีไอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image