สถานีคิดเลขที่ 12 : เจาะฐาน หามิตร (อยู่) ฝ่ายเดียว โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สมชื่อ “กลุ่มสามมิตร” จริงๆ แล้ว

เพราะตอนนี้ เดินหน้าหา “มิตร” อย่างคึกคัก

หลังจากที่ถูกกระแนะกระแหน ทำเป็นอย่างเดียวคือ “ดูด”

เลยลบคำสบประมาท ให้ดูเสียเลย

Advertisement

ด้วยการประกาศจะเปิดหารือกับ “นปช.” และ “คนเสื้อแดง” เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกัน

โดยอ้างว่า ได้ประสานงานกับแกนนำ นปช. ใน 11 จังหวัดภาคอีสานไว้แล้ว

ถือเป็นยุทธวิธีใหม่

Advertisement

คือ ตีเข้าไปยังฐานมวลชนของพรรคเพื่อไทย โดยตรง

ถือว่าน่าสนใจ และวิธีการนี้ก็ดูมีผลสะเทือน แรง เหมือนกัน

แรงขนาดที่ “แรมโบ้อีสาน” นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เตรียมถอนคำสาบานต่อ “ย่าโม”

เพื่อหวนคืนกลับสู่การเมือง ภายใต้ร่มเงา “สามมิตร”

ต้องรอดูต่อไปว่า ยุทธวิธีนี้จะยกระดับไปสู่ “สงครามแย่งชิงมวลชน” กันเลยหรือไม่

เพราะหากได้ผล กลุ่มสามมิตร รุกแน่

เนื่องจากจะไปสั่นสะเทือน “ฐานเดิม” ของพรรคเพื่อไทยโดยตรง

และเมื่อพูดฐานเดิม ก็ไม่ใช่มีเฉพาะ นปช.และคนเสื้อแดงเท่านั้น

กลุ่มชาวนาที่ชื่นชอบโครงการรับจำนำข้าวของเพื่อไทย ก็เป็นฐานใหญ่

ปรากฏว่า กลุ่มสามมิตร ก็ไม่ละเลย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พร้อมด้วย นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร ได้เชิญตัวแทนจากกลุ่มส่งเสริมเกษตรกรชาวนาอีสาน สมาคมชาวนาข้าวไทย สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย เครือข่ายชาวนา และสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน

มาร่วมหารือถึงการแก้ปัญหาราคาผลผลิตการเกษตรตกตํ่า

โดยเฉพาะข้าว

นายสมศักดิ์อ้างว่า ได้พูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลเพื่อหาทางช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว
รัฐบาลรับปากจะดูแลให้ข้าวอยู่ในระดับ 8000 บาทต่อตัน ซึ่งชาวนาน่าจะพอใจ

ถือเป็นตัวอย่าง ที่กลุ่มสามมิตรแสวงหาจุดร่วมกับประชาชนกลุ่มต่างๆ

ล่าสุด นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯกลุ่มสามมิตร ได้เดินทางไปพบ นายสิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หนึ่งในอดีตแกนนำ กปปส. และศิษย์เอกอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ

เพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในการปรองดองชาติ ตามแนวทางของกลุ่มสามมิตร

ถือเป็นการทอดไมตรีไปยังกลุ่ม กปปส.ปีกหนึ่ง หลวงปู่พุทธะอิสระ อีกกลุ่มหนึ่ง

ส่วน กกปส.กลุ่มใหญ่ ก็ปล่อยให้อยู่ภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ไป

ซึ่งก็ “ราบรื่น” ดีไม่ต่างกัน

เช่นตอนนี้ นายสุเทพ นายสุริยะใส กตะศิลา และคณะ พากันเดินสายรับฟังโครงการพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้

ปรากฏว่ามีการอำนวยความสะดวกจากภาครัฐให้เป็นอย่างดี

ตามหนังสือสั่งการ ของรองผู้กำกับการป้องกันปราบปรามฯ รักษาราชการแทนผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

สั่งดูแลทั้งการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร

โดยมีโทรโข่งชี้แจงจากแนวรวม กปปส. ว่าเป็นการดูแลนักการเมืองตามปกติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น

และคอยควบคุมไม่ให้มีการหาเสียงไปโจมตีพรรคการเมืองอื่นๆ

ฟังขึ้น หรือไม่

ก็ฟังๆ กันไป

แต่ทำให้เราตระหนักว่า การ “หามิตร”

หรือ “การหาข้อมูล” ของฟากฝ่ายที่หนุนรัฐบาลนั้น

ช่างเป็นไปอย่างคึกคัก และได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

ซึ่งก็ควรเป็นเช่นนั้น

เพียงแต่การเคลื่อนไหวและการอำนวยความสะดวกเช่นนี้ ควรเกิดกับพรรคหรือกลุ่มการเมือง ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย

โดยเท่าเทียม

มิใช่ ทำอยู่ข้างเดียว

พอคนอื่นทำบ้าง

เจอคำขู่อาจถูกดำเนินคดีฐานขัดคำสั่ง คสช.

ดูยังไง ก็ไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไหร่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image