ผลลัพธ์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ก่อสงครามการค้า

โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาได้ก่อสงครามการค้าขึ้นทั่วโลก โดยเริ่มจากก่อสงครามการค้ากับประเทศจีน ต่อมาแคนาดาและประเทศในยุโรปหรือสหภาพยุโรป (EU)

โดนัลด์ ทรัมป์ เขียนในทวิตเตอร์ของเขาว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าประเภทรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่นำเข้าจากประเทศในสหภาพยุโรป ในอัตรา 20% นอกเหนือจากสินค้าประเภทเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม เป็น 25% และ 10% ตามลำดับ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายนศกนี้ ทั้งๆ ที่ประเทศในอียูเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาก็ตาม

แต่ประเทศในสหภาพยุโรปก็ไม่แคร์ ก็ใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟันกับสหรัฐ โดยประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าประเภทเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ตลอดจนผลิตภัณฑ์การเกษตรจากสหรัฐในอัตราเท่ากัน เพื่อเป็นการคัดค้านต่อต้าน โดยรายการสินค้าดังกล่าวมีมูลค่า 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน ศกนี้เช่นกัน

ทั้งนี้ รองประธานคณะกรรมการสหภาพยุโรปได้แสดงท่าทีว่าพวกเขาไม่อยากทำแต่ก็ไม่มีทางเลือก มีทางเดียวคือต้องใช้นโยบายตอบโต้แบบเดียวกัน

Advertisement

มาตรการอนุรักษนิยมทางการค้าของสหรัฐไม่เพียงแต่ใช้กับอียูเท่านั้น หากยังใช้กับประเทศแคนาดา เม็กซิโก ตุรกี ซึ่งพากันใช้นโยบายตอบโต้ทำนองเดียวกัน

ประเทศแคนาดาตอบโต้สหรัฐด้วยการเรียกเก็บภาษีสูงเช่นกันเพื่อเป็นการแก้เผ็ด โดยเรียกเก็บ 25% จากรายการสินค้าประเภทเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม 10% ตลอดจนเรียกเก็บภาษีสูงจาก น้ำหวาน น้ำผลไม้ เหล้าวิสกี้ น้ำส้ม ฯลฯ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 12,800 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนเม็กซิโกก็ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% จากสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา โดยมีรายการสินค้า เช่น แอปเปิล เนื้อหมู เนย ผลิตภัณฑ์จากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ฯลฯ โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ศกนี้

Advertisement

ตุรกีก็ตอบโต้เช่นเดียวกัน โดยเรียกเก็บภาษีจากสินค้าซึ่งนำเข้าจากสหรัฐคิดเป็นมูลค่า 267,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบด้วยรายการสินค้า 22 ชนิด อาทิ ถ่านหิน กระดาษ เหอเถา วิสกี้ เครื่องสำอาง ยาสูบ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี อุปกรณ์เครื่องจักรกล ฯลฯ โดยมีผลเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน

ส่วนประเทศอินเดียก็เช่นกัน ตอบโต้โดยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรประเภทถั่วที่นำเข้าจากสหรัฐขึ้นเป็น 70% โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม โดยมีรายการสินค้า อาทิ เหอเถา แอปเปิล กรดบอริก ฯลฯ สำนักข่าวจงซินอ้างคำพูดของฝ่ายอินเดียที่กล่าวว่า รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ขึ้นภาษีศุลกากรเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมนั้นเป็นการละเมิดกฎกติกาทางการค้าทั่วโลก อีกทั้งได้เป็นผลร้ายต่อการส่งออกสินค้าของอินเดียแล้ว

ตรงกันข้ามกับนโยบายอนุรักษ์ทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งนำโดยโดนัลด์ ทรัมป์ กลุ่มประเทศข้อตกลงทางการค้าเอเชียแปซิฟิก ซึ่งประกอบด้วย ประเทศจีน อินเดีย เกาหลีใต้ บังกลาเทศ ศรีลังกา และประเทศลาวนั้นกลับลดภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าให้แก่กันและกัน รวม 10,312 รายการ โดยเฉลี่ยแล้วลดลง 33%

นอกจากนี้ ประเทศจีน เกาหลีใต้ อินเดีย และศรีลังกา ยังได้จัดการลดภาษีให้แก่ประเทศด้อยพัฒนา โดยจัดการลดอัตราภาษีเป็นพิเศษให้แก่ผลิตภัณฑ์จากประเทศบังกลาเทศ 1,259 รายการ และผลิตภัณฑ์จากประเทศลาว 1,251 รายการ โดยเฉลี่ยแล้วลดลง 86%

นักวิเคราะห์เห็นว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการทำให้การติดต่อค้าขายทั่วโลกใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการต่อต้านลัทธิการค้าปัจเจกนิยมอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image