ผู้เขียน | เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ |
---|
การเมืองมีเรื่องให้พูดให้ถามกันทุกวันในทุกวงสนทนา คุยกันไปคุยกันมาในเรื่องสัพเพเหระ แล้วใครคนหนึ่งต้องหันกลับมาถามถึงคำถามเก่าที่ยังไม่มีคำตอบเสียทีหนึ่ง ก่อนแยกย้ายกันไปว่า “เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง”
ถามแล้วไม่ต้องการคำตอบ หรือใครบางคนอาจตอบว่า “ไม่รู้” เท่านั้น
หาเนื้อหาสาระนำไปเป็นคำตอบให้ใครไม่ได้สักที
วันนี้มีคำตอบใหม่แนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นำไปใช้ ไม่มีการสงวนสิทธิ์ หรือคิดค่าลิขสิทธิ์
เป็นคำตอบที่ครั้งแรกผู้รับฟังคำตอบกระตือรือร้นที่จะฟัง แต่เมื่อฟังแล้วอาการ “เฮ่ย” เกิดขึ้นทันที
คำตอบเมื่อถูกถามว่า “เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง” คำตอบคือ “ปีหน้า” ซึ่งเป็นคำตอบที่ทุกคนรู้แล้วว่าถึงอย่างไรปีหน้าต้องมีเลือกตั้งแน่ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องคือ “ปีหน้าถามใหม่”
ว่าแล้วผู้ตอบต้องหลบฉากทันที เพราะผู้ถามมักจะหัวเสีย หรือไม่ก็เงื้อหมัดเงื้อศอก กลายเป็นว่าตอบอย่างนั้นได้ยังไง
ระบอบประชาธิปไตยของราชอาณาจักรไทยที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแต่ไหนแต่ไร เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีคำตอบในตัว คือ “มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และ “มาตรา 3 อำนาจธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ”
นับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 แม้รัฐธรรมนูญหลายฉบับระบุว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
การนิยามคำว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ยังไม่มีความชัดแจ้งสักทีหนึ่ง
เคยมีแต่คำนิยามที่กำหนดออกมาเพียงเพื่อไม่ให้นานาชาติที่เป็นประเทศประชาธิปไตยรังเกียจว่าประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย คือกำหนดให้มีการเลือกตั้ง มีการจัดตั้งพรรคการเมือง มีฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ทั้งยังบอกแก่นานาชาติไม่เต็มปากเต็มคำว่า “ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ”
ไม่ทราบว่าใครจะรู้ไหมว่า “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” คืออย่างไร
เคยบอกกับนานาประเทศว่า “ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแบบ ไทย-ไทย” ซึ่งเป็นอย่างไรไม่รู้อีกเหมือนกัน
เพราะนิยามคำว่าคนไทยคือ “ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้”
ขณะที่นานาอารยประเทศ ประชาธิปไตยของเขาคือ ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยมีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเช่นกัน
การยกร่างรัฐธรรมนูญแต่ละครั้ง โดยเฉพาะครั้งสุดท้าย มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ กำหนดให้จัดตั้งพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องสังกัดพรรคการเมือง จะลงสมัครอิสระมิได้
พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกพรรคเท่านั้นเท่านี้จึงเป็นพรรคการเมืองได้ ระบบการเลือกตั้งแม้ยังไม่ประกาศออกมาชัดเจนว่าทำอย่างไร แต่มีออกมาว่า ต้องเลือกตั้งบุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในสองสามรูปแบบ
ปวงชนชาวไทยมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือลงประชามติอย่างอิสระโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ
ทั้งที่สิทธิ เสรีภาพ ของประชาชนไม่สมควรต้องกำหนดให้ไปเลือกตั้ง หรือลงประชามติ เพราะการเลือกตั้ง หรือลงประชามติคือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย การไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือไม่ไปลงประชามติ คือสิทธิของประชาชนเช่นเดียวกับการไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือลงประชามติ
แล้ว “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เป็นอย่างไรดี พรุ่งนี้ค่อยตอบก็ได้