| ผู้เขียน | ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ |
|---|
การจากโลกไปของ นายจอห์น แม็กเคน สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ วัย 81 ปีเป็นข่าวใหญ่ของสื่อสหรัฐมาหลายวัน จึงทำให้เป็นข่าวใหญ่ของข่าวต่างประเทศไปด้วย
ไม่เพียงเพราะประวัติและประสบการณ์ชีวิตของ ส.ว.แม็กเคนที่มีสีสันมาก หากเพราะการวางตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ตั้งแต่นายทรัมป์ลงสมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันจนถึงวาระสุดท้ายที่สั่งเสียไว้ว่าไม่ต้องไปเชิญนายทรัมป์มางานศพ ยิ่งทำให้วิญญาณของจอห์น แม็กเคนในข่าวทรงพลังมาก
ท่าทีของนายทรัมป์ทีแรกที่ทำเฉยเมยไม่พูดถึงนายแม็กเคนที่จากโลกไป รวมกับที่ทำเนียบขาวรีบขึ้นธงสู่ยอดเสา หลังลดลงมาไว้อาลัยให้นายแม็กเคนเพียงวันเดียว ทำให้นายทรัมป์ถูกถล่มจากทั่วสารทิศ จนยอมให้ลดธงลงมาอีกรอบจนกว่างานศพนายแม็กเคนจะเสร็จสิ้น
ประเด็นบาดหมางที่สุดระหว่างทั้งสองคือเรื่องที่นายทรัมป์พูดจาดูถูกนายแม็กเคนว่า ไม่เห็นจะใช่ฮีโร่สงครามเลย เพราะถ้าเป็นฮีโร่จริงคงไม่ถูกจับไปเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนามนานกว่า 5 ปี
ช่วงที่นายแม็กเคนรู้ตัวว่าจะต้องจากโลกไปเพราะร่างกายต่อสู้กับมะเร็งสมองไม่ไหวแล้ว ยังมีแก่ใจเขียนคำสั่งเสียไว้ถึงชาวอเมริกันไม่ให้สิ้นหวังกับปัญหาและอุปสรรคที่เผชิญอยู่ในช่วงเวลานี้
หลายๆ คนฟังแล้วก็คงจะนึกออกว่า ความยากลำบากที่เผชิญอยู่นี้เกี่ยวเนื่องมาจากนโยบายของนายทรัมป์ในหลายๆ เรื่อง รวมถึงการสร้างความแตกแยกในสังคมชาวอเมริกัน
นายแม็กเคนได้รับการยกย่องว่าเป็นสุภาพบุรุษ รวมถึง นายบารัค โอบามา นักการเมืองต่างพรรคผู้ที่เอาชนะนายแม็กเคนในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อปี 2551 ต่างก็เคารพนับถือกัน
ช่วงหาเสียงที่มีคนกล่าวดูถูกเหยียดสีผิวนายโอบามาอย่างสุดขั้ว นายแม็กเคนยังกล่าวปรามให้ด้วยว่า ถึงผมกับเขาจะมีนโยบายไม่ตรงกันหลายเรื่อง แต่เขาไม่ใช่คนที่เราต้องหวาดกลัว
สำหรับเวียดนาม นายแม็กเคนไม่เพียงไม่โกรธแค้น กลับแสดงบทบาทเยียวยาบาดแผลในสงคราม สนับสนุนให้อเมริกากับเวียดนามผันเป็นมิตรที่ดีต่อกันถึงปัจจุบัน
นายแม็กเคนใช้ความหลังกลับมาผูกมิตรกับเวียดนามหลายครั้ง เช่น เมื่อปี 2538 วาระที่รัฐบาลสองประเทศฟื้นความสัมพันธ์ จากนั้นปี 2552 กลับมาเยือนจุดที่ตนเองถูกสอยเครื่องบินตกในฮานอยเมื่อปี 2510 ส่วนเมื่อปี 2555 ไปเยือนฮานอยฮิลตันที่ตนเองเคยถูกขังเป็นเชลย
ทริปเมื่อปี 2555 หลังจากเยือนเวียดนามแล้ว ส.ว.แม็กเคนแวะมาเยือนไทยด้วย โดยเข้าพบนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 ม.ค. คุยกันเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเตือนพลเมืองอเมริกันมาไทย หลังข่าวกรอง ระบุว่า ไทยอาจกลายเป็นสถานที่ก่อการปองร้ายอิสราเอล ซึ่งหลังนายแม็กเคนกลับไปสหรัฐได้ไม่กี่วัน สหรัฐก็ถอนประกาศออก
พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์วันที่ 21 ม.ค.2555 ไม่ได้มีเรื่องที่นายแม็กเคนมาคุยกับผู้นำไทย แต่เป็นประเด็น ผบ.ทบ.ตอนนั้นประกาศว่าจะไม่ทำรัฐประหารอย่างแน่นอน
น่าเสียดายจริงๆ
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์
