ลีลาการเมือง เหมือนในความต่าง ประยุทธ์-ทักษิณ

เส้นทางสู่การเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 ยิ่งชัดเจนขึ้น

ไม่ใช่ด้วยความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย กลุ่มสามมิตร การเปลี่ยนแปลงในประชาธิปัตย์ หรือความเคลื่อนไหวของอนาคตใหม่

นั่นน่ะ-เด็กๆ

ให้ดูการขยับเขยื้อนตัวของระดับ “เฮฟวี่เวต” อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร

Advertisement

อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นิราศเมืองไทยไป 12 ปี

โพสต์เฟซบุ๊กรำลึก 12 ปีเหตุการณ์รัฐประหาร

Advertisement

ไม่ได้โพสต์ไว้อ่านคนเดียวแน่นอน

แต่เจตนาที่จะให้แพร่กระจายไปในวงกว้าง ลองพิจารณา

“วันนี้ผมอยากให้ทุกท่านลองวางใจให้เป็นกลาง แล้วหลับตานึกว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ ท่านคิดว่าประเทศไทยเจริญขึ้นแล้วหรือไม่

ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา ระบบราชการบริการประชาชน ยาเสพติด การสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจของท่านเอง

รวมถึงความสุขของท่านและคนรอบตัวท่าน

สุดท้ายคือศักดิ์ศรีประเทศและความภูมิใจของท่าน

…ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหันหน้ามาปรึกษาหารือกันเพื่อบ้านเมือง

หรือว่าเราจะตะแบงฟาดฟันกันฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นที่ต่างกัน ชอบไม่เหมือนกัน

บางคนต้องถึงกับชีวิต บางคนเจ็บป่วย บางคนติดคุก บางคนถูกกลั่นแกล้งทางธุรกิจ ทางอาชีพและตำแหน่งหน้าที่ราชการ จนอยากจะตะโกนแรงๆ ว่าเราคนไทยด้วยกันไม่ใช่หรือ

…แล้ววันนี้เราช้ำกันพอแล้วหรือยัง ประเทศช้ำพอแล้วหรือยัง”

ถัดมาเพียง 1 วัน

นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่เคยประกาศว่าจะแถลงถึง “อนาคตทางการเมือง” ให้ชัดเจนในเดือนกันยายน

ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า

“ช่วงนี้ผมขอให้บ้านเมืองสงบก่อนได้หรือไม่ และถ้าผมเป็นนักการเมือง ผมว่าสิ่งที่ออกมานั้น ผมทำได้ ไม่เห็นจะยากเย็นอะไร ถ้าทุกคนมีเจตนาที่จะทำให้บ้านเมืองปกติ มีความสงบสุข

ถ้าทุกคนบอกว่าเวลามีน้อยทุกคนก็ควรจะแถลงนโยบายของตนออกมาว่า จะทำอะไร สังคมยอมรับได้หรือไม่ จะไปล้มล้างอะไรหรือไม่

สิ่งที่ดีมันมีอยู่แล้ว แล้วจะไปยกเลิก ประเทศชาติจะยิ่งไปกันใหญ่ ความมั่นคงปลอดภัยความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะไปอยู่ที่ไหนกัน

การคลายล็อกทางการเมือง ส่วนตัวคิดว่าพอเพียงแล้ว ใครที่บอกว่าไม่พอ ไว้รอให้เป็นรัฐบาลก็ค่อยไปทำกันเอาเอง”

เมื่อถามว่า มีกำหนดการพบตัวแทนพรรคนักการเมืองเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่พบตัวแทนนักการเมือง เพราะมีคนไปพบอยู่แล้ว

ต่อคำถามว่า นายกฯเคยบอกจะประกาศความชัดเจนทางการเมืองหลัง พ.ร.ป.ส.ส. และ ส.ว. ประกาศ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงแข็งว่า

“จะมาสนใจอะไรกับผม ผมเคยบอกว่าเมื่อหลัง พ.ร.ป.ออกมา แล้วนี่หลังหรือยัง

หลังจากนี้ไปถึงปีหน้า มันก็หลังเหมือนกัน ผมจะพูดเมื่อไหร่ก็เรื่องของผม

วันนี้ยังไม่รู้ ผมตัดสินใจเอง แล้วเรื่องอะไรผมจะออกมาให้โดนด่าตั้งแต่วันนี้เล่า”

ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ โดยหันมาพูดกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มๆ พร้อมขยิบตากล่าวว่า

“วันนี้อารมณ์ดี เรื่องท่าทีของตัวเองยังไม่บอก ปล่อยให้งง”

เห็นความเหมือนอะไรในความแตกต่างของบุคคลที่เสมือนเป็นตัวแทนจากสองขั้ว

ก็คือเห็นความเป็นนักการเมือง

เห็นสัญญาณที่ปล่อยออกมาสะท้อนว่าการเลือกตั้งใกล้มาทุกที

ไม่เช่นนั้นที่เงียบไปพักใหญ่ จะออกมาสื่อสารกับสาธารณะถึงความทุกข์ระทมของสังคมไทย-ทำไม?

ไม่เช่นนั้นจะพยายามหาเสียงกับคนรุ่นใหม่ ด้วยการดึงดารานักร้องวัยรุ่น เข้ามาเป็น “กระบอกเสียง” ให้รายการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล-ทำไม?

ไม่เช่นนั้นจะเปิดทำเนียบรัฐบาล-ชูแท่งไฟต้อนรับ “ไอดอล” จากต่างประเทศ-ทำไม?

และไม่เช่นนั้นจะต้อง “ลับ-ลวง-พราง” ในเรื่องจุดยืน-ท่าทีทางการเมือง-ทำไม?

ในเมื่อรู้กันอยู่แก่ใจชัดเจนอย่างยิ่ง

ว่าวันนี้ใครคือนักการเมือง “ตัวจริง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image