สภาดิจิทัลฯสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศอย่างยั่งยืน

เมื่อไม่นานมานี้ ภาคเอกชนมีการประกาศเจตนารมณ์ในการร่วมมือกันจัดตั้งสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทยขึ้น โดยมี ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามปฏิญญาความร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของภาคเอกชนในการขานรับนโยบายของภาครัฐเพื่อร่วมมือกันสนับสนุนให้เกิดการสภาดิจิทัลฯขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางหลักของภาคการประกอบธุรกิจดิจิทัลและร่วมผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การจัดตั้งสภาดิจิทัลฯจะทำให้เพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมาก สร้างโอกาส สร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศอย่างยั่งยืน เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล แข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่งเป็นที่แน่นนอนว่าในอนาคตอันใกล้อุตสาหกรรมดิจิทัลจะเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำ สร้างโอกาสทางการค้าในอนาคต และหากขาดเสาหลักนี้ไปประเทศจะสูญเสียโอกาสทางการแข่งขันในทุกๆ ด้านอย่างไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ การตั้งสภาดิจิทัลฯจึงเป็นการตั้งเสาหลักเพื่อให้ประเทศชาติก้าวไปอย่างเข้มแข็งยั่งยืน

หากมองในภาคเอกชน จะเห็นได้ว่า ภาคเอกชนมี 3 เสาหลักอันเป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบธุรกิจเป็นสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาอย่างยาวนาน ซึ่งทั้ง 3 สภาก็ทำงานอย่างแข็งขันและมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการร่วมมือกันขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยในมิติต่างๆ อันเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลกแต่เมื่อรัฐบาลประกาศนโยบาย Thailand 4.0 หรือ Digital Thailand เพื่อมุ่งหวังในอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยสามารถสร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม ข้อมูล ทุนมนุษย์ และทรัพยากรอื่นใด เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนประเทศไทยจึงต้องการเสาหลักที่ 4 ซึ่งก็คือ สภาดิจิทัลฯ เฉกเช่นเดียวกับนานาอารยประเทศที่มีการร่วมตัวของภาคธุรกิจดิจิทัล เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมมือกับรัฐบาลพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของประเทศโดยนำนวัตกรรมดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการผลิต การค้าและการบริการ

Advertisement

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจึงไม่น่าแปลกใจและเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ภาคธุรกิจดิจิทัลไทยลุกขึ้นมารวมตัวกันในลักษณะการทำงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลก่อตั้งสภาดิจิทัลฯ อันเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัลทุกขนาดที่มีความตั้งใจจะพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างแท้จริง ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public – Private Platform) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศโดยการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาปรับใช้ อีกทั้งเพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

ดังนั้น หากเกิดสภาดิจิทัลฯขึ้นในประเทศไทยในเร็ววันนี้ สภาดิจิทัลฯจะถือเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่สำคัญเพื่อบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศต่อไป

สืบศักดิ์ สืบภักดี
นักวิชาการด้านโทรคมนาคม ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image