จิตวิวัฒน์ : ตำนานมีชีวิต (2) การปลดปล่อยจิตวิญญาณ : โดย ณัฐฬส วังวิญญู

คําถามที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือสมมุติว่าวันหนึ่งมีโจรเข้าบ้าน และฆ่าทุกคนในบ้านเราหมด เผาบ้านเรา ที่ทำงานเราก็โดนระเบิด เราตกงานไม่เหลือใครเลย ชีวิตที่เหลือของเราจะทำอย่างไร จินตนาการว่าไม่มีใครแล้ว เราควรจะรู้สึกโล่งเพราะว่าเราถูกยึดโยงเยอะมาก หน้าที่สุดท้ายของตำนานคือการปลดปล่อยจิตวิญญาณของเราแต่ละคนที่มีความเฉพาะตัวมาก และได้เห็นความเป็นไปได้หลายๆ อย่าง

Active Imagination

Living Myth คือเราที่เป็นตำนานที่เดินทางอยู่ เราจะรู้ก็ต่อเมื่อเราเดินไปแล้ว นักจิตวิทยา คาร์ล ยุง (Carl G. Jung) เพิ่งมาค้นพบตัวเองผ่านการเขียนอัตชีวประวัติเมื่ออายุ 82 ปี เขาค่อยๆ เขียนและเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้นเมื่อมองย้อนกลับไป เขาผ่านชีวิตและวิกฤตปัญหามาเยอะ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องความรัก เรื่องการได้ยินเสียง (Schizophrenia) สิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์กับเขามากคือ เมื่อเขานึกย้อนกลับไป ตอนเด็กๆ เขาชอบเอาหินมาเรียงกัน เขาจึงไปซื้อที่ดินริมทะเลสาบในสวิตเซอร์แลนด์ เป็นที่ที่สวยงาม หลังจากนั้นก็สร้างบ้านโดยการเรียงหินด้วยตัวเอง เขากลับไปเป็นเด็ก เขาบอกว่าแต่ละก้อนที่เขาเรียง เขาเกิดความคิด ความจำ กลับมามากมาย และเขามีความฝันแปลกๆ ตอนกลางคืน

การเรียงหินคือ Active Imagination เป็นคำที่สำคัญมากในการค้นหาเส้นทางของเรา ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิต ถ้าเราชอบเย็บผ้า ให้ลองกลับมาเย็บผ้าหรือทำอะไรที่ดึงดูดเรา วิธีการกระตุ้น (Activate) คือให้ทำสิ่งที่เราชอบ พอถูกกระตุ้น เราจะเกิดจินตนาการ (Imagination) เป็นความคิดหลายๆ อย่าง เป็นภาพขึ้นมา ให้เราบันทึก แล้วเราจะเริ่มเห็นตำนานของตัวเอง บางคนชอบเดิน แต่ไม่รู้เดินไปทำไม ไม่มีเป้าหมายก็ได้ ผมชอบวิธีการนี้มาก เป็นการค้นหาทางจิตวิญญาณที่ต้องผ่านการกระทำบางอย่าง คล้ายๆ พิธีกรรม การเอาหินมาเรียงของคาร์ล ยุง ก็คล้ายกับพิธีกรรม เขาสร้างห้องหลายห้อง มีห้องใต้ดิน มีห้องที่มืด มีห้องที่สว่าง

Advertisement

ความฝัน

เราหาเส้นทางตำนานของเราได้ผ่านการกระทำ Active Imagination อีกวิธีหนึ่งคือผ่านความฝัน หลายๆ คนจำความฝันได้ ผมจำไม่ค่อยได้แต่รู้ว่าตัวเองฝัน ความฝันไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของอีโก้หรือความรู้ของเรา แต่เป็นความรู้อีกแบบหนึ่งที่เราไม่เคยรู้ หรือมีอยู่ในตัวเราแต่ว่าเราไม่เคยเข้าใจ ความฝันให้สัญลักษณ์หลายอย่าง อาจจะเป็นสัญญาณถ้าเราเรียนรู้ บางคนยึดความฝันว่าเป็นสิ่งที่ใกล้จะเกิดขึ้น เป็นการทำนายอนาคต แต่ในแง่หนึ่ง ความฝันกำลังให้ข้อมูลหรือมายืนยันว่าเราขาดอะไรหรือเรามีอะไร บางคนก็ฝันว่าถูกข่มขืน อาจจะไม่ได้แปลว่าวันนั้นเราต้องไปหาคนมามีความสัมพันธ์ด้วย แต่อาจหมายถึงการที่เราจะต้องหลอมรวมเอาขั้วตรงข้ามเข้ามา

ผมเคยฝันประหลาดว่าจูบกับเพื่อนผู้ชายที่มีหนวดเครารุงรังมากและเขาเป็นนักกล้าม ผมสงสัยว่าตัวเองจะเป็นเกย์หรือเปล่า ตอนนั้นผมกำลังทำงานที่ท้าทายมาก ไปรับงานใหญ่ที่ยาก ต้องไปอบรมและเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิศวกรชาย ดูแข็งๆ ความฝันอาจจะบอกว่าในการอบรมผมจะต้องไม่มองพวกเขาว่าเป็นศัตรู ผมอาจจะต้องจูบพวกเขาและจูบนานด้วย ผมดูอิ่มเอิบใจในฝัน ผมรู้สึกอายที่เล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง แต่ผมรู้สึกขอบคุณความฝันที่ดื่มด่ำ วันนั้นผมเปลี่ยนวิธีการทำงานไปเลย ผมต้องดื่มด่ำ เข้าไปให้ความเป็นส่วนตัว ผู้บริหารชอบที่ผมไม่ตั้งท่าเป็นอาจารย์ว่าจะมาเปลี่ยนอะไร แต่มาเป็นเหมือนคู่รัก

Advertisement

บางทีความฝันไม่ได้สนใจเรื่องเพศ เราต้องดูว่ามันกำลังมาบอกว่าเรากำลังปฏิเสธอะไร และเราควรจะเริ่มกลับมา หลอมรวม (Integrate) ด้านต่างๆ เข้ามาในชีวิตของเราเองอย่างไร ผมจำความฝันไม่ได้มากแต่ว่าในเวลาที่ผมต้องการ ความฝันมักจะมาช่วย

ความฝันอีกอย่างหนึ่งคือเวลาเจองานยากตรงที่ผมมีทีมงาน 4-5 คน ผมเป็นคนที่อยากจะให้ทุกคนมีพื้นที่แสดงออก ไม่อยากให้ใครรู้สึกไม่มีค่าที่ไม่ได้ทำอะไร ผมกังวลเรื่องนี้มากกว่าผู้เข้าร่วมอีก ผู้เข้าร่วมประมาณ 20 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปริญญาโท และมีประเด็นขัดแย้งกันในกลุ่ม หัวข้อการอบรมคือการเรียนรู้เกี่ยวกับความขัดแย้ง ผมรู้สึกปั่นป่วนมากในวันแรกว่าจะรอดหรือเปล่า คืนนั้นผมฝันเห็นพี่เบิร์ด เจ้าของร้านจักรยานเล็กๆ ที่เชียงราย และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง มีห้องเล็กๆ ที่เก็บอะไหล่และข้าวของทุกอย่าง เขามีความสุขในการค่อยๆ ประกอบจักรยานด้วยตัวเอง เวลาผมไปหาเขา เขามีเวลาคุยด้วย ชวนผมนั่งกินกาแฟ ไม่รีบร้อน

ผมตื่นขึ้นมาเเละคิดว่าความฝันพยายามจะบอกว่าผมต้องทำงานแบบพี่เบิร์ด งานวันนั้นยากที่สุดและต้องทำคนเดียว ผมเล่าความฝันให้กับทีมงานฟัง บอกว่าผมต้องทำอะไรบางอย่างที่อาจจะตรงข้ามกับสิ่งที่เป็น ที่เราต้องช่วยกัน ทุกคนมีคุณค่า แต่ในความฝันผมบอกว่าทำคนเดียวเถอะ ผมถามทีมว่าขอผมทำคนเดียวได้ไหม ทุกคนโอเค แล้ววันนั้นผมค่อยๆ ทำกระบวนการที่ดูยาก และมีคนบาดเจ็บในใจต้องการการเยียวยา เขาร้องไห้เหมือนผีเข้า แต่ผมสบาย นิ่งเหมือนเป็นหมอผี คือเป็นแบบพี่เบิร์ด

ความฝันกำลังบอกให้เราเป็นอะไร อาจจะเป็นอะไรในวันนั้นวันเดียวก็ได้ ไม่ต้องเป็นตลอดเวลา ความฝันเป็น Active Imagination การเต้นก็เป็น Active Imagination ที่ดีมาก

พิธีกรรมพวกนี้ต้องใช้ร่างกาย ไม่ต้องคิด เดี๋ยวออกมาเอง เวลาผมเตรียมเรื่องตำนาน ผมต้องไปออกกำลังกายเพราะร่างกายของเราคือ Living Myth มันคือเสือชีตาห์ที่วิ่งได้เร็ว มันคือเต่าที่คลานได้หนักแน่น มันคือนกที่บินได้ มันคือปลาที่ว่ายน้ำได้ เต็มไปด้วยเรื่องราว ต้องกระตุ้นแล้วดูว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องตำนานไม่สามารถรู้ก่อนแล้วค่อยไป แต่ต้องไปก่อนแล้วค่อยรู้ เพราะฉะนั้นต้องทดลองไปในที่ที่ เราอยากไป เย้ายวนเรา หรือที่ที่เรากลัว ที่เราไม่อยากไปก็ได้

ณัฐฬส วังวิญญู
www.thaissf.org, twitter.com/jitwiwat

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image