‘บิ๊กตู่’จะกวาดล้างยาเสพติดได้อย่างไร

ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเจตนารมณ์เมื่อ 16 ต.ค.2561 ว่าจะปราบปรามยาเสพติดให้ได้โดยเร็ว โดยสั่งการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการกวาดล้างยาเสพติดโดยใช้กฎหมาย แต่ยอมรับว่าอาจจะปราบไม่ได้ 100% เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ทุกประเทศเจอเหมือนกันหมด ท่านนายกฯมีข้อสังเกตว่า ปัญหายาเสพติดจะแก้เรื่องซัพพลายอย่างเดียวไม่ได้ ยิ่งจับมากก็ยิ่งเอาเข้ามามาก ก็ต้องจับไปเรื่อยๆ ตอนนี้ต้องมาดูผู้ค้ารายย่อย โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในโรงเรียน สถานศึกษา และในโรงงาน ซึ่งต่อไปจะมีการตรวจโรงงานทุกแห่ง

ข้อสังเกตข้างต้นคือสภาพความเป็นจริงของการกวาดล้างยาเสพติดในประเทศไทยที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ยาเสพติดของไทยอยู่ในอาการ “ทรงกับทรุด” อย่างไรก็ดี ถ้าจะพยายามวิเคราะห์สาเหตุแห่งความไม่สำเร็จของการกวาดล้างยาเสพติด น่าจะเป็นเพราะกระบวนการลงโทษผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด “ไม่สะเด็ดน้ำ” โดยเฉพาะการจับกุมลงโทษผู้เสพยาเล็กๆ น้อยๆ และผู้ขายรายย่อย จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ “นักโทษล้นคุก” ในขณะที่ผู้กระทำผิดร้ายแรงได้แก่ผู้ผลิตและผู้ลำเลียงขนส่งยาเสพติดรายใหญ่ที่ปริมาณยาเสพติดมูลค่าหลายสิบหลายร้อยล้าน ผู้กระทำผิดเหล่านี้แม้ศาลฎีกาจะตัดสินประหารชีวิต คดีถึงที่สุดแล้ว แต่รัฐบาลก็ไม่กล้าทำการประหารชีวิต เพราะเกรงใจองค์กรนิรโทษกรรมสากลที่เรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิต นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ขบวนการยาเสพติดขนาดใหญ่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะแน่ใจว่าถึงจะทำผิดร้ายแรงขนาดไหนในประเทศไทย ยังไงก็ไม่ตาย เราจึงเห็นอาชญากรชั่วร้ายเหล่านี้ใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งกระจายยาเสพติดในชาติและข้ามชาติอย่างต่อเนื่องและมากขึ้นทุกวัน

ฉะนั้นถ้าท่านนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการกวาดล้างยาเสพติดให้ได้โดยเร็ว สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ทำการประหารชีวิตนักโทษยาเสพติดที่ศาลฎีกาตัดสินให้ประหารชีวิต คดีถึงที่สุดแล้ว พร้อมทั้งประโคมข่าวไปทั่วโลกว่า ประเทศไทยจะประหารชีวิตนักโทษยาเสพติดที่ศาลฎีกาตัดสินให้ประหารชีวิต คดีถึงที่สุดแล้วทุกราย ถ้าทำได้ รับรองว่าขบวนการผลิตและขนส่งลำเลียงยาเสพติดรายใหญ่ที่ผ่านประเทศไทยจะหยุดชะงักทันที

เมื่อรัฐบาลดำเนินนโยบายประหารชีวิตอาชญากรยาเสพติดรายใหญ่อย่างจริงจังแล้ว การแพร่ระบาดของยาเสพติดในโรงเรียน สถานศึกษาต่างๆ และในโรงงานจะเบาบางลงทันที และแก้ไขไม่ยาก โดยการฟื้นฟู “การป้องกัน” อย่างถูกต้องผ่านกระบวนการ “บวร” คือความร่วมมือของ “บ้าน-วัด-โรงเรียน/โรงงาน” และกระบวนการ “บรม” คือความร่วมมือของ “บ้าน-โรงเรียน/โรงงาน-มัสยิด”

Advertisement

ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ท่านนายกฯจะต้องสั่งการให้จัดการอย่างเด็ดขาดกับกระบวนการ “ยัดยา” โดยเจ้าพนักงานเลวๆ ทั้งตำรวจ-ป.ป.ส.-ฝ่ายปกครองบางคน ซึ่งยังมีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ด้วยการลงโทษอย่างรุนแรงและเอิกเกริกเช่นเดียวกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image