ผู้เขียน | เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ |
---|
อีก 10 วันจากนี้ 26 พฤศจิกายน 2561 ทุกพรรคต้องพร้อมประกาศผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ ประกาศให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทราบว่า พรรคไหนมีใครสมัครเป็นสมาชิกสภาเขต ใครสมัครสมาชิกบัญชีรายชื่อ เพื่อจะได้เตรียมตัว “กาบัตร” ให้ถูกตัวถูกพรรค วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
ที่สุด พรรคประชาธิปัตย์เลือกได้หัวหน้าพรรคคนหน้าเดิม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำพรรคสู่การเลือกตั้งต่อไปอีกสมัยหนึ่ง
ส่วนผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร มีเวลาอีก 3 เดือน ห้วงนี้ทุกคนต้องรีบเร่งหาเสียงกันจ้าละหวั่นเพื่อให้คะแนนเสียงของพรรคนำหน้าพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ หากหัวหน้าคนหน้าเดิมยังนำเสียงข้างมากเกินกว่า 150 เสียงไม่ได้ คงต้องมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เหมือนเมื่อครั้ง บัญญัติ บรรทัดฐาน ปฏิบัติเป็นตัวอย่างมาแล้ว คือลาออก !!!
การลาออกจากหัวหน้าพรรคเมื่อไม่สามารถนำพรรคชนะการเลือกตั้งได้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ใครๆ หมายถึงหัวหน้าพรรคคนไหนเขาก็ทำกัน ไม่มีข้อแก้ตัวแก้ต่างอย่างไรทั้งสิ้น
โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกพรรค เช่น พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งประกาศกติกาเป็นพรรคยึดมั่นหลักการประชาธิปไตยโดยตลอด
ส่วนพรรคอื่นที่ก่อตั้งพรรคด้วยตัวบุคคล หัวหน้าพรรคหรือผู้นำพรรคกำหนดขึ้นจากผู้ก่อตั้ง อาจมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค แต่ส่วนใหญ่มักจะเลือกได้ผู้ที่ผู้นำพรรคกำหนด เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังประชารัฐ หรือแม้แต่พรรคประชาชนปฏิรูป และพรรคใหม่อย่างพรรคไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น
การเมืองไทยเดินหน้ามาถึงวันนี้ วันที่แต่ละพรรคประกาศตัวหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ผู้บริหารพรรค เกือบทุกพรรค อีกไม่กี่วันจะได้รู้ว่าพรรคไหนมีผู้สมัครเป็นใครบ้าง
วันนั้น หลังวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เรา-ประชาชนไทย จะได้รู้เสียทีว่า วันเลือกตั้ง อาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เราจะเข้าคูหากาบัตรให้ใครมาเป็นรัฐบาล ดังที่เริ่มพูดกันหนาหูว่า จะเลือกฝ่ายประชาธิปไตย หรือฝ่ายที่ประกาศตัวตรงกันข้าม
แนวทางความคิดเช่นนี้กระมังที่นำไปสู่การแบ่งแยก เพราะการเลือกข้างมิได้เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย หากแต่เป็นการผลักดันให้ประชาชนตัดสินใจกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ตรงข้ามกันเท่านั้น
การเลือกตั้งเป็นหลักการตัดสินใจในระบอบประชาธิปไตย ส่วนการจะเลือกใครหรือไม่เลือกใคร เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เลือกตั้ง เมื่อเข้าคูหากาบัตร ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่มีใครบังคับ หรือโน้มน้าวได้
เพราะหลักการของการเลือกตั้งคือ “โดยตรงและลับ” ทุกคนมีเสียงเดียวเท่ากัน ไม่ว่าเสียงเดียวนั้นจะเป็นเสียงจากการเลือกในบัญชีรายชื่อ หรือแบบเขต และครั้งนี้ คนเดียวกาได้เบอร์เดียว หากคะแนนแบ่งเป็นสองฟาก คือฟากของผู้ได้รับเลือกแบบแบ่งเขต กับได้รับเลือกแบบบัญชีรายชื่อ
เรื่องการกาบัตรต้องระวัง “กลยุทธ์” ของนักการเมืองให้ดีว่าจะพลิกแพลงอย่างไร ส่วนจะออกมาเป็นรูปแบบใดให้ติดตามกันต่อไป
เพราะเรื่องสื่อสารการเมืองในยุคดิจิทัล ความคิดอ่านของนักการเมืองพลิกแพลงได้เป็นร้อยพันอย่าง
ที่เรียกว่า ร้อยลิ้นกะลาวน อย่าหลงคารมนักการเมืองเด็ดขาด
โปรดจำไว้ว่า คะแนนเสียงของท่านเพียงคะแนนเดียวมีผลทำให้การเลือกตั้งพลิกผันได้ เพราะคะแนนเดียวจากหลายๆ คน รวมกันเป็นร้อยเป็นพันได้
คะแนนเสียงของท่านคือเสียงสวรรค์ พลิกผันจากฝ่ายหนึ่งไปเป็นอีกผ่ายหนึ่งได้
แต่ควรเป็นเสียงของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ฝ่ายประชาธิปไตยที่ท่านเห็นว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ไม่ใช่เสียงของการเปลี่ยนแปลงระบบระบอบประชาธิปไตยไปเป็นรูปแบบอื่น ดังที่มีผู้พยายามเป่าหู