แนวรบ เลือกตั้ง : เอา หรือ ไม่เอา ‘คสช.’ : คำตอบ สุดท้าย

ถึงแม้ในเบื้องต้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะนำเสนอยุทธวิธีชูธง 2 ผืน 1 ต่อต้านนายกรัฐมนตรีคนนอก 1 ต่อต้านระบอบทักษิณซึ่งหมายถึงพรรคเพื่อไทย

แต่แนวโน้มเริ่มชี้ออกมาแล้วว่า “ยุทธวิธี” นี้อาจต้อง “เปลี่ยน”

ถามว่าเป็นเพราะการปลุกระดมและก่อกระแสอันมาจากพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ และรวมถึงพันธมิตรอย่างพรรคอนาคตใหม่หรือเปล่า

ที่จะส่งผลสะเทือนต่อพรรคประชาธิปัตย์

Advertisement

หากจับ “อาการ” ของพรรคประชาธิปัตย์จากการแบ่งเขตล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นที่ กทม. ไม่ว่าจะเป็นที่สุโขทัย ไม่ว่าจะเป็นที่นครราชสีมา ไม่ว่าจะเป็นที่อุบลราชธานี

ก็จะรู้ว่ามาจาก “คสช.” ไม่ใช่จาก “เพื่อไทย” หรือพันธมิตร

เป็นกระบวนการขับเคลื่อนของ “คสช.” ทั้งระบบต่างหากที่มิได้บีบเพียงพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่พรรคการเมืองอื่นก็ต้องฉุกคิด

Advertisement

ฉุกคิดว่า “ปรปักษ์” ตัวจริงอยู่ที่ใด

มีความเพ้อฝันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เป็นความเพ้อฝันที่คิดจะฝากผีฝากไข้ให้กับ “คสช.” และการสืบทอดอำนาจของ “คสช.”

เพราะคิดว่า “คสช.” ต้อง “ชนะ” อย่างแน่นอน

เพราะรับรู้และรู้สึกว่า ความพยายามของ “คสช.” ผ่านพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย นั้นเข้มแข็งและมั่นคงอย่างยิ่ง

เห็นได้จากการแยกตัวจาก “เพื่อไทย” เข้าไปร่วม

เห็นได้จากการไหลเข้าไปอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา

กระทั่งพรรคพลังประชารัฐประกาศจะกวาด 350 ส.ส.

แต่ภายในความฮึกห้าวเหิมหาญของ คสช.ประสานเข้าพรรคพลังประชารัฐนั้นเอง ยิ่งวันก็จะยิ่งกระแทกเข้าไปกับทุกพรรคการเมือง มิใช่เฉพาะแต่พรรคเพื่อไทยและพันธมิตรเท่านั้น

ก่อให้เกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมย่าน

ไม่ว่าการอัดงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อนโยบายไทยนิยม ยั่งยืน เพื่อโครงการประชารัฐ โดยเฉพาะการแจกเงินจากเฮลิคอปเตอร์ 2 เดือนก่อนเลือกตั้ง

สร้างความมั่นใจให้กับ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”

ไม่ว่าการใช้ “อำนาจดิบ” ชำแรกแทรกเข้าไปเสนอบัญชี 4 สร้างความได้เปรียบผ่านการแบ่งเขตของ กกต.

เห็นความฮึกเหิมของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

ไม่เพียงแต่ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาเพื่อพวกเรา” หากแต่ยังพร้อมจะขีดเส้นแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นใหม่อำนวยความสะดวก

แน่นอนย่อมเป็น พลังประชารัฐ รวมพลังประชาชาติไทย

หากทุกพรรคการเมืองยังมีกระดูกสันหลัง สามารถหยัดยืนขึ้นมิใช่คลานขนานไปกับแผ่นดิน พรรคการเมืองก็ย่อมจะรับรู้ว่าถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไร

ความเลวร้ายเช่นนี้มีหรือที่ “ประชาธิปัตย์” ไม่เจ็บปวด

ระยะเวลาเพียง 2 เดือนอาจรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง แต่การเคลื่อนไหวในช่วงก่อนเข้าสู่สมรภูมิที่เป็นจริงนั้นมีแต่จะดุเดือดและเข้มข้นเป็นลำดับ

เป็นความดุเดือดจาก คสช.จากพลังประชารัฐ

ขณะเดียวกัน เป็นการตั้งรับอย่างหงุดหงิด ไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหม่ พรรคเก่า ไม่ว่าพรรคเล็ก พรรคใหญ่ รวมศูนย์ไปยังพลังประชารัฐ คสช.เด่นชัดยิ่งขึ้น

ในที่สุดก็จะกลายเป็น เอาหรือไม่เอา “คสช.”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image