ไม่ว่าจะฟัง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยที่เพชรบูรณ์ หรือกาญจนบุรี ไม่ว่าจะฟัง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยที่อ่างทอง หรือพิษณุโลก
ความรู้สึกแทบไม่เปลี่ยน
เป็นความรู้สึกเหมือนนั่งฟัง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กำลังปราศรัยบนเวทีของคนเสื้อแดง ทั้งบนถนนราชดำเนินและที่แยกราชประสงค์
ทั้งๆ ที่กำลังพูดในฐานะพรรคไทยรักษาชาติ
เป็นความรู้สึกเหมือนนั่งฟัง นายจตุพร พรหมพันธุ์ กำลังปราศรัยบนเวทีราชมังคลา สถานและบนเวทีที่ถนนอักษะไม่แปรเปลี่ยน
ทั้งๆ ที่กำลังพูดในฐานะ “กองเชียร์” พรรคเพื่อชาติ
ยิ่งติดตามฟังคำปราศรัยของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประสานกันไปกับของ นายอดิศร เพียงเกษ ไม่ว่าที่หนองบัวลำภู ไม่ว่าที่อุดรธานี หรือขอนแก่น
ยิ่งเหมือนยกเวทีของ “พรรคเพื่อไทย” มาไว้ “หน้าบ้าน”
ถามว่าที่เอ่ยอ้างถึงการปราศรัยไม่ว่าจะของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ว่าจะของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ว่าจะของ นายจตุพร พรหมพันธุ์
เป็นการเดินทางตามไปในฐานะเป็น แฟนานุแฟนอย่างนั้นหรือ
ไม่ได้ไปอุดรฯ ไม่ได้ไปขอนแก่น ยิ่งเพชรบูรณ์และกาญจนบุรี ยิ่งไม่มีโอกาสเดินทางไปอย่างเด็ดขาด
หากติดตามรับฟังได้ทาง “ยูทูบ”
ปรากฏการณ์ปราศรัยผ่าน “ยูทูบ” จึงกลายเป็นมิติใหม่ 1 ซึ่งสำคัญในทางการเมืองและกำลังจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติไปเสียแล้ว
ฟังไปแล้วจะย้อนกลับไปฟังอีกก็ได้ หากชอบใจ
ขณะนี้อาจกล่าวได้ว่า พรรคเพื่อไทยเดินหน้าไปแล้ว พรรคไทยรักษาชาติตามไปอย่างติดๆ ขณะที่กองเชียร์ของพรรคเพื่อชาติก็เดินสายด้วยความคึกคักและเข้มข้น
เมื่อเป็น 3 พรรคนี้ย่อมรู้กันอยู่ว่า “เป้าหมาย” อยู่ที่ใด
เชื่อได้เลยว่าการหาเสียงเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2562 บทบาทของสื่อ “อิเล็กทรอนิกส์” จะมีเป็นอย่างสูง
ขณะที่สื่อในแบบป้ายหรือโปสเตอร์จะลดบทบาทลง
เมื่อเป็นการหาเสียงผ่านช่องทาง “อิเล็กทรอนิกส์” งบประมาณก็น้อยลงไปด้วย แต่ข้อดีเป็นอย่างมากคือสามารถเจาะลงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้อย่างจำเพาะ
นักปราศรัยที่เยี่ยมๆ มากด้วยแฟนานุแฟนจะชิงความได้เปรียบ
ไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมาจากพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ว่าจะมาจากกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ หรือแม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์
ก็จะกลายเป็น “ไอดอล” ทางการเมืองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
หากเนื้อหาของการหาเสียงดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือ สรุปความล้มเหลวจากการรัฐประหาร สรุปความล้มเหลวจาก 5 ปีที่สูญหายไป
เชื่อได้เลยว่า “คสช.” จะกลายเป็นตำบล “กระสุนตก”
จากเดือนมกราคม ผ่านเดือนกุมภาพันธ์ไปยังเดือนมีนาคม จึงเท่ากับเป็น 2 เดือนแห่งการทดสอบการเผชิญกับบรรยากาศของการเลือกตั้ง
ไม่ว่าจะอยู่ใน “ทำเนียบรัฐบาล” ไม่ว่าจะอยู่ใน “กองทัพ”
ความต้องการที่จะทำเหมือนห้วงหลังรัฐประหาร หรือเหมือนห้วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ อาจยังมีอยู่ แต่ก็คงยากลำบากมากยิ่งขึ้น
แค่เจอกับการเกาะติดของ “คุณหญิง” จากพรรคเพื่อไทยก็เหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง
