คดีเจ้าหน้าที่ไทยจับกุม ฮาคีม อัล-อาไรบี นักฟุตบอลเชื้อชาติบาห์เรน ผู้ลี้ภัยของออสเตรเลีย กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เสี่ยงกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เมื่อไทยต้องอยู่ตรงกลางจึงทำให้เห็นมุมมองของชาติอาหรับกับชาติตะวันตกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ข้อหาเผาบ้านเผาเมืองที่นายฮาคีมถูกตัดสินในบ้านเกิดนั้นเกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์อาหรับสปริง ช่วงที่คนหนุ่มสาวชาติอาหรับหลายประเทศลุกฮือขึ้นเรียกร้องเสรีภาพและความเท่าเทียม
มีไม่กี่ประเทศที่การต่อสู้ของคนเดินดินเป็นฝ่ายชนะ หรืออย่างอียิปต์ที่ชนะในตอนแรกแต่ก็พ่ายแพ้หมดรูปในภายหลัง
กรณีบาห์เรน การลุกฮือเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปการเมืองและสังคม เมื่อปี 2554 เริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ และจบภายในเวลาอันสั้น หลังรัฐบาลปราบปรามผู้ชุมนุมและควบคุมสถานการณ์ได้เด็ดขาด
โดยเฉพาะคืนวันที่ 17 ก.พ.2554 นักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า โรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ชุมนุมจำนวนมากที่บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่แพทย์ที่ไปช่วยคนถูกตำรวจปราบปรามยังบาดเจ็บไปด้วย
ถ้าให้นึกภาพเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ความรุนแรงในกรุงเทพฯและหลายจังหวัด เมื่อปี 2553 ก็คงพอจะนึกภาพออกว่า หลังเหตุการณ์แล้วผู้ร่วมชุมนุมจะต้องโดนอะไรบ้าง
ฮาคีมถูกดำเนินคดีและตัดสินลงโทษหนัก จำคุกถึง 10 ปี ฐานร่วมวางเพลิงสถานีตำรวจ
แต่องค์กรแอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่าฮาคีมถูกเช็กบิล เพราะวิจารณ์พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ซ้อมทรมานนักฟุตบอลซึ่งเข้าร่วมการประท้วง เช่นเดียวกับภรรยานายฮาคีมที่ว่า สามีถูกลงโทษเพียงเพราะประณามการปฏิบัติมิชอบในบาห์เรน
ข้อเท็จจริงในคดีที่บาห์เรนเป็นอย่างไรคงไม่ใช่เรื่องที่ไทยพิสูจน์ได้ แต่ทั้งหมดนี้ออสเตรเลียตรวจสอบแล้วและอนุญาตให้ฮาคีมลี้ภัย ตั้งแต่ปี 2557
นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี ส่งสารมาถึงผู้นำไทย ว่า นายฮาคีมมีวีซ่าคุ้มครองถาวรที่ออกให้โดยรัฐบาลออสเตรเลีย และการที่ออสเตรเลียจะออกวีซ่าให้ใครได้ หมายความว่าผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเท่านั้น
อีกทั้ง 4 ปีมานี้ รัฐบาลบาห์เรนไม่เคยแสดงความพยายามต่อออสเตรเลียแม้แต่ครั้งเดียวว่าต้องการตัวนายฮาคีมกลับบาห์เรน แต่ทันทีที่นายฮาคีมพาภรรยาเดินทางมาพักผ่อน (ฮันนีมูนกับภรรยา) ที่ไทย รัฐบาลบาห์เรนกับติดต่อมายังรัฐบาลไทยอย่างเร่งด่วนขอให้จับแล้วส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับบาห์เรน
ขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียก็แจ้งขอให้ไทยส่งนายฮาคีมกลับประเทศเช่นกัน
ระหว่างนี้ทางการไทยทั้งตำรวจและอัยการต่างยืนกรานว่าทำไปตามกฎหมาย แม้แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำก็แจงว่าที่ใส่กุญแจเท้านายฮาคีม ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ผู้ควบคุมเห็นแล้วว่าเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงหลบหนี
คำอธิบายนี้ชวนให้สงสัยว่า หรือเพราะฮาคีมเป็นนักฟุตบอลที่มีศักยภาพวิ่งฝ่าฝูงชนขนาดหายไปอย่างกับซุปเปอร์แมนได้ขนาดนั้นเลยหรือ
ความจริงแล้วฮาคีมเป็นเพียงผู้ถูกจองจำที่หวังให้ทางการไทยใคร่ครวญชะตากรรมของตนเองให้รอบด้าน โดยเฉพาะด้านความเป็นมนุษย์ ที่มีผู้เรียกร้องให้ช่วย #SaveHakeem
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์