ภาพเก่า…เล่าตำนาน : สาวสวยโกรธนัก..ไปสมัครเป็น สไนเปอร์..

พ.ศ.2484 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพนาซีอันเกรียงไกรของฮิตเลอร์บุกตะลุยเข้าไปในดินแดนสหภาพโซเวียต (รัสเซีย) ประชาชนชาวรัสเซียบาดเจ็บล้มตาย บ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับ ทหารเยอรมันไม่ปรานีหน้าอินทร์หน้าพรหม

กองทัพแดง (Red Army) ของรัสเซียตั้งหลักไม่ทัน สู้พลางถอยพลาง ประชาชนชาวรัสเซียเป็นชนชาติยอดนักสู้ รักแผ่นดินเกิดยิ่งชีพพากันไปสมัครเป็นทหาร

นักศึกษาสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเคียฟ (Kiev) เคียดแค้นแสนสาหัส เธอต้องการปกป้องแผ่นดินแม่ ขวนขวายจะขอล้างแค้นให้พี่น้องร่วมชาติ ตัดสินใจไปสมัครเป็นทหาร ขอเป็นทหารในหน่วยกำลังรบ … เธอถูกปฏิเสธด้วยเหตุที่เป็นหญิง

เธอดึงดัน ดื้อด้านที่จะขอเป็นทหารจับปืนท่ามกลาง “การดูแคลน” ของทหารชายทั้งปวง และในที่สุด นักศึกษาสาวสวยผู้นี้ ผันตัวเองกลายเป็น พลซุ่มยิง (Sniper : สไนเปอร์) ที่ลั่นกระสุนปลิดชีพทหารนาซีเยอรมันในสนามรบได้ถึง 309 ศพ ในจำนวนนั้น สอยสไนเปอร์ฝ่ายเยอรมันร่วงไป 36 ศพ พลังของความเคียดแค้นทหารเยอรมันผลักให้เธอ กลายเป็นพลซุ่มยิงที่โลกต้องจารึกชื่อ….

Advertisement

ภาพเก่า..เล่าตำนาน ขอนำท่านผู้อ่านไปรู้จักกับพลซุ่มยิงสาวสวยชาวรัสเซียที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ยอดหญิงมือสังหารระดับ Top 10” ของโลก

ลุดมิลา พาฟลิเชนโก (Lyudmila Pavlichenko) เกิดเมื่อ 12 กรกฎาคม 2459 ในหมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองบิลาเซอร์ควา (Bila Tserkva) ใกล้เมืองเคียฟ รัฐยูเครน ในยุคที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

Advertisement

เธอมีนิสัยเป็นนักกีฬา ออกแนวห้าว ได้ยินได้ฟังเพื่อนๆ ผู้ชายคุยโม้อวดศักดาเรื่องการยิงปืน อายุ 14 ปี เธอไปสมัครเป็นสมาชิกชมรมยิงปืน พัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นนักยิงปืนสมัครเล่นฝีมือฉกาจฉกรรจ์

เมื่ออายุ 16 ปี ลุดมิลาแต่งงานกับอเล็กเซ พาฟลิเชนโก มีลูกชายด้วยกัน 1 คน เธอทำงานในโรงกลึงของหน่วยทหารปืนใหญ่ และเรียนหนังสือไปด้วย ต่อมาหย่ากับสามี เข้าเรียนประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเคียฟ

กลางปี พ.ศ.2484 ขณะที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัย กองทัพรถถังเยอรมันบุกเข้ามาในสหภาพโซเวียต ลุดมิลา อายุ 24 ปีสมัครเข้าเป็นทหารกองทัพโซเวียตต้องการไปรบในแนวหน้า..แต่ถูกปฏิเสธ

ลุดมิลา ไม่ยอมแพ้… เธอยืนยันว่าเธอต้องการเป็นทหาร

ในที่สุด กองทัพส่งเธอไปประจำหน่วยทหารราบของกองทัพแดง (The Red Army) เธอปฏิเสธ ไม่ขอไปอยู่หน่วยพยาบาล

เธอมิใช่เป็นสาวที่พับเพียบเรียบร้อย สนใจพวกกีฬามาตั้งแต่เด็ก ตัดสินใจเด็ดขาดเลือกจะเป็น พลซุ่มยิง รับการฝึกเบื้องต้น ทำทุกอย่างด้วยใจรัก ผลการยิงปืนของสาวคนนี้เป็นที่ตื่นตะลึง

สิงหาคม 2484 เมื่อการฝึกจบลง เธอแสดงฝีมือเบื้องต้นด้วยผลงาน 2 ศพ โดยปืนกึ่งอัตโนมัติ โตกาเรฟ (Tokarev SVT-40) ติดกล้อง

เมื่อมั่นใจ ใจถึง ก็ไม่มีอะไรหยุดสไนเปอร์คนนี้ได้

ในช่วงทำหน้าที่พลซุ่มยิงช่วง 75 วันแรก เธอลั่นไกยิงกบาลทหารเยอรมันไปถึง 187 ศพ ผลงานของมือปืนสาวงามเป็นข่าวใหญ่ ลุดมิลาเป็น “มือสังหารโหด” ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

ผลงานของสไนเปอร์จากกองทัพโซเวียต ที่เด็ดหัวผู้บังคับหน่วยของเยอรมันสมองกระจุยในสนามรบนับร้อยศพ เป็นสิ่งที่ทหารเยอรมันสยองสุดสุด

ในสนามรบ… ผู้บังคับหน่วยจะมีองค์ประกอบรอบตัวแตกต่างจากกำลังพลทั่วไป การแต่งกาย เครื่องมือสื่อสาร คนห้อมล้อม ยานพาหนะ ลักษณะท่าทาง การสั่งการ จะถูกสังเกตจากกล้องของพลซุ่มยิงว่า “ไอ้คนนี้คือเป้าหมายที่คุ้มค่า” ที่จะต้องยิงและนัดเดียวต้องจบข่าว

ในสนามรบ ในป่า ในเขา หรือแม้แต่ในเมือง จะไม่มีใครรู้เลยว่าขณะนี้ตัวเรากำลังอยู่ในกากบาทกล้องเล็งจากพลซุ่มยิงของข้าศึกหรือไม่? มีใครกำลังแอบส่องเรา ไอ้พลซุ่มยิงมันอยู่ตรงไหน?

กระสุนจะแหวกอากาศพุ่งเข้าศีรษะมาจากทางไหน ถือว่า เป็นการทำลายขวัญที่ได้ผลสูงสุด และถ้าได้ยิงหัว “แม่ทัพนายกอง” คนแล้วคนเล่า มันคือ การนำไปสู่การ แพ้-ชนะ ได้เลย

พรสวรรค์ของลุดมิลาพลิกโฉมของพลซุ่มยิงเพศหญิง ทำให้กองทัพแดงของโซเวียต แต่งตั้งเธอเป็นครูสอนพลซุ่มยิงหญิงอีกราว 2 พันคนในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

การเป็นสไนเปอร์ ไม่ง่ายขนาดถือปืน แต่งตัวออกไปแอบยิงแล้วจบภารกิจกลับมานอน…แล้วออกไปหายิงคนใหม่

พลซุ่มยิงที่โดดเด่น จะต้องมีขีดความสามารถในเรื่องของการยิงปืนสูงสุด การไปซุ่ม ดักยิงเป็นทักษะที่พอสอนกันได้ ในทางตรงข้าม สไนเปอร์ที่โง่ เซ่อ บ้า จะตกเป็นเป้า ให้ฝ่ายตรงข้ามยิงสวนกลับมาซะเอง

ทุกฝ่าย ก็มีมือมีตีน มีปืน… สไนเปอร์ก็ต้องล่าสไนเปอร์ด้วยกัน

มือสังหาร ลุดมิลาเคยได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ 4 ครั้งจากสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้า แต่เธอไม่เคยหันหลังให้บ้านเกิดเมืองนอน เมื่อหายจากบาดเจ็บ ยอดหญิงมือสังหาร ดิ้นรนขอกลับไปทำหน้าที่ในสนามรบต่อทุกครั้ง

เธอทำงานแบบเป็นอิสระ ไปฝังตัวทุกที่ที่หน่วยทหารเยอรมันจะต้องมาปรากฏตัว ต้องรอคอยด้วยความอดทนทั้งวันทั้งคืน บ่อยครั้งที่ต้องผิดหวังเมื่อแม่ทัพ นายกองของทหารเยอรมันไม่ปรากฏตัวให้ส่อง

มีการยืนยันสถิติของเธอ…ซุ่มยิงได้ทั้งหมด 309 ราย โดยมี 36 รายในจำนวนนั้นที่เป็นพลซุ่มยิงของเยอรมัน

คุณสมบัติที่พลซุ่มยิงชั้นเยี่ยมต้องมี คือ อดทนที่จะรอคอยเหยื่อที่จะเด็ดหัว กลางวัน กลางคืน ร้อนจัด หนาวจัด อุจจาระ ปัสสาวะแบบไม่ต้องขยับตัว ต้องอดทนต่อความง่วง แมลงสัตว์กัดต่อย ต้องนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน ต้องเก่งการมองทิศทาง มุมยิง โดยเฉพาะทิศทางลม ที่มีผลต่อวิถีกระสุนจากปากลำกล้องปืนไปสู่เป้าหมาย

คำว่า Sniper นั้น เป็นชื่อของนกชนิดหนึ่งในประเทศอินเดีย เป็นนกปากยาว ตัวเล็ก บินได้คล่องแคล่ว รวดเร็ว เมื่อสมัยที่อังกฤษยึดครองประเทศอินเดีย ทหารของอังกฤษ ชอบแข่งกันยิงนกชนิดนี้ ใครยิงได้ ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งฝีมือ เลยเรียกทหารกลุ่มนี้ว่า Sniper

สไนเปอร์ มีภารกิจที่ชัดเจน คือ เด็ดหัวผู้นำของฝ่ายตรงข้าม จะไม่ไปยิงเป้าหมายที่มีคุณค่าต่ำ เธอเป็นทหารอาชีพ มีสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง มีสติ อารมณ์นิ่ง สุขุมรอบคอบ

เรื่องของสไนเปอร์ เป็นเรื่องเปิดเผยที่รับรู้กัน กองทัพบกสหรัฐเขียนเป็นตำรา คือ FM-23-10 Sniper Training ผลงานการสังหารข้าศึกอันน่าประทับใจตั้งแต่บรรจุเป็นพลทหาร 100 ศพแรก เธอเลื่อนชั้นเป็นนายสิบ เป็นจ่า และเป็นนายทหารยศสูงสุด คือ พันตรี

สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด นักล่าสาวกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเคียฟจนจบปริญญาตรี และศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ เธอยังคงทำงานในกองทัพในฐานะนักประวัติศาสตร์

อเมริกาเองก็ยังยกย่องให้เกียรติ สุดยอดสไนเปอร์หญิงชาวโซเวียตคนนี้ที่สร้างความสยดสยองให้กองทัพเยอรมัน

พ.ศ.2485 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มหาอำนาจอเมริกายังมิได้ส่งทหารเข้าร่วมรบในสงคราม อังกฤษ ฝรั่งเศส เกือบทุกประเทศในยุโรป รวมทั้ง โซเวียต กำลังย่ำแย่เพลี่ยงพล้ำจากกองทัพเยอรมัน

วีรสตรีของกองทัพโซเวียต ลุดมิลาได้รับเชิญให้เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา เธอทำหน้าที่ทูตเพื่อโน้มน้าวให้อเมริกาตัดสินใจส่งกองทัพเข้ามาช่วยประเทศในยุโรปทำสงครามกับเยอรมัน

ระหว่างเยือนอเมริกา นักข่าว ถามเธอแบบจุกจิกกวนใจไร้สาระ เธอจึงสวนกลับไปว่า “ฉันทำหน้าที่สังหารเผด็จการฟาสซิสต์ไปแล้ว 309 ศพเพื่อปกป้องโลกเสรี…แล้วทำไมพวกท่านยังมาแอบอยู่ข้างหลังฉันอย่างสุขสบาย?”

เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกที่ต้องสังหารข้าศึก 309 ศพ “ฉันมีความรู้สึก เหมือนได้ฆ่าสัตว์ที่น่ารังเกียจ” เธอตอบอย่างไม่ลังเล

เรื่องขำๆ สำหรับชีวิตของมือปืน 309 ศพ คือ เธอได้รับเชิญจากทางราชการให้ไปทำหน้าที่นางพยาบาลหลังสงครามยุติ ซึ่งเยอรมันเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ซึ่งมือปืน 309 ศพ ก็ยินดีไปเป็นนางพยาบาลในกองพลทหารราบที่ 25 กองทัพโซเวียตเพื่อดูแลคนเจ็บป่วย แต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

10 ตุลาคม พ.ศ.2517 เธอเสียชีวิตด้วยเส้นโลหิตแตกในสมองในกรุงมอสโก เมื่ออายุได้ 58 ปี

รัฐบาลโซเวียตยกย่องเธอ โดยใช้ภาพของสไนเปอร์ ใจเกินร้อยผู้นี้ ผลิตเป็นแสตมป์ของสหภาพโซเวียตถึง 2 ครั้งเพื่อตอบแทนคุณค่าของ “ยอดทหารหาญแห่งกองทัพโซเวียต” ที่ทำทุกอย่างเพื่อแผ่นดินเกิด

แม้กองทัพนาซีเยอรมันผู้พ่ายแพ้ ก็ยังยกย่อง สวย สังหาร ทหารหญิงรัสเซียผู้นี้

พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image