สถานีคิดเลขที่ 12 : ปีนี้ลำบาก : โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

สัปดาห์นี้ จีนเพิ่งเปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติประจำปีให้นานาประเทศจับตา เพราะต้องคอยดูชาติยักษ์ใหญ่จะขยับตัวอย่างไรและหันหน้าไปทิศไหนแล้วจะส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไร

ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรกับจีนทั้งทางสายเลือด วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และอื่นๆ อีกมากมาย ขนาดจัดงานข้าวเหนียวมะม่วงเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวจีนก็ทำมาแล้ว จึงไม่น่าจะปล่อยผ่านการจับตาวาระการประชุมนี้เช่นกัน

การประชุมสภาของจีนแตกต่างจากที่เห็นในฝั่งตะวันตก คือไม่มีการโต้เถียงหรือซักฟอกให้เห็น มีแต่ผู้นำมาชี้แจงแถลงไขว่า ปีนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง รัฐบาลจัดแผนอะไรไว้ให้

อย่างวันเปิดประชุม นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง เป็นผู้กล่าวเปิดด้วยเนื้อหาที่ตรงไปตรงมาว่า ปีนี้ลำบากนะ

Advertisement

ตัวเลขเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอยู่ที่ร้อยละ 6.0-6.5 ลดลงจากปี 2561

ขนาดประเทศยักษ์ใหญ่บอกว่า ปีนี้ลำบาก ก็น่าคิดต่อว่าแล้วประเทศเล็กๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะทำอย่างไร

การที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวย่อมหมายถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของทั้งโลก เพราะการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

Advertisement

ไทยแลนด์เราอาจยังคิดไม่ออกตอนนี้ เพราะว่าอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ยังไม่รู้ว่าใครจะได้มาเป็นรัฐบาล

แต่ถ้าให้ดีผู้ลงสมัครเลือกตั้งช่วยนำเสนอทางออกให้ประชาชนเห็นสักหน่อย ว่าจะฝ่าฟันปีแห่งความยากลำบากนี้ไปได้อย่างไร

แม้ประเทศมีแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีที่รัฐบาลชุดนี้หมายมั่นปั้นมา ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าเราจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่พร้อมจะพลิกผันไปได้อย่างไร

สำหรับจีน มีแผนยุทธศาสตร์ของตนเองเช่นกัน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ร่างงบประมาณด้านกองทัพจึงยังเพิ่มขึ้นตามยุทธศาสตร์การพัฒนากองทัพยุคใหม่ ที่จีนประกาศว่าจะเร่งสร้างนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกลาโหมให้เร็วขึ้นอีก อย่างเครื่องบินสอดแนม เรือบรรทุกเครื่องบิน และจรวดต่อต้านดาวเทียม ก็มีข่าวออกมาเป็นระยะ

จีนทำตามแผนที่วางไว้ได้ด้วยงบประมาณที่ไม่กระทบมากนัก เพราะระบบการปกครองตีกรอบไว้เช่นนั้น

หากเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกา ฝั่งประชาธิปไตย ขนาด โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของประเทศอยากนำเงิน 1.8 แสนล้านบาทไปสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เลย

ต้องเจอกับทั้งการตรวจสอบ และการถ่วงดุลอำนาจจากรัฐสภา

การเปรียบเทียบนี้ไม่ได้ตัดสินว่า ประเทศยักษ์ใหญ่สองประเทศที่ใช้การบริหารและปกครองต่างกันใครเป็นฝ่ายชนะ

แต่ตัวอย่างนี้กำลังสะท้อนว่า ไม่มีระบบใดที่สมบูรณ์แบบและปราศจากปัญหา

ในเมื่อไทยแลนด์เลือกประกาศตัวแล้วว่าเป็นประชาธิปไตยและกำลังจะมีการเลือกตั้ง ก็ควรเดินหน้าไปยังเส้นทางนี้อย่างชัดเจนและพัฒนาให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เดินไปก้าวสองก้าวแล้วก็ลากกันถอยหลัง

อย่าลืมว่าโลกหมุนไปได้ทิศทางเดียว คือหมุนไปข้างหน้า

ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image