ผู้เขียน | ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ |
---|
สัปดาห์นี้ จีนเพิ่งเปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติประจำปีให้นานาประเทศจับตา เพราะต้องคอยดูชาติยักษ์ใหญ่จะขยับตัวอย่างไรและหันหน้าไปทิศไหนแล้วจะส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไร
ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรกับจีนทั้งทางสายเลือด วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และอื่นๆ อีกมากมาย ขนาดจัดงานข้าวเหนียวมะม่วงเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวจีนก็ทำมาแล้ว จึงไม่น่าจะปล่อยผ่านการจับตาวาระการประชุมนี้เช่นกัน
การประชุมสภาของจีนแตกต่างจากที่เห็นในฝั่งตะวันตก คือไม่มีการโต้เถียงหรือซักฟอกให้เห็น มีแต่ผู้นำมาชี้แจงแถลงไขว่า ปีนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง รัฐบาลจัดแผนอะไรไว้ให้
อย่างวันเปิดประชุม นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง เป็นผู้กล่าวเปิดด้วยเนื้อหาที่ตรงไปตรงมาว่า ปีนี้ลำบากนะ
ตัวเลขเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอยู่ที่ร้อยละ 6.0-6.5 ลดลงจากปี 2561
ขนาดประเทศยักษ์ใหญ่บอกว่า ปีนี้ลำบาก ก็น่าคิดต่อว่าแล้วประเทศเล็กๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะทำอย่างไร
การที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวย่อมหมายถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของทั้งโลก เพราะการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ไทยแลนด์เราอาจยังคิดไม่ออกตอนนี้ เพราะว่าอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ยังไม่รู้ว่าใครจะได้มาเป็นรัฐบาล
แต่ถ้าให้ดีผู้ลงสมัครเลือกตั้งช่วยนำเสนอทางออกให้ประชาชนเห็นสักหน่อย ว่าจะฝ่าฟันปีแห่งความยากลำบากนี้ไปได้อย่างไร
แม้ประเทศมีแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีที่รัฐบาลชุดนี้หมายมั่นปั้นมา ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าเราจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่พร้อมจะพลิกผันไปได้อย่างไร
สำหรับจีน มีแผนยุทธศาสตร์ของตนเองเช่นกัน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ร่างงบประมาณด้านกองทัพจึงยังเพิ่มขึ้นตามยุทธศาสตร์การพัฒนากองทัพยุคใหม่ ที่จีนประกาศว่าจะเร่งสร้างนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกลาโหมให้เร็วขึ้นอีก อย่างเครื่องบินสอดแนม เรือบรรทุกเครื่องบิน และจรวดต่อต้านดาวเทียม ก็มีข่าวออกมาเป็นระยะ
จีนทำตามแผนที่วางไว้ได้ด้วยงบประมาณที่ไม่กระทบมากนัก เพราะระบบการปกครองตีกรอบไว้เช่นนั้น
หากเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกา ฝั่งประชาธิปไตย ขนาด โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของประเทศอยากนำเงิน 1.8 แสนล้านบาทไปสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เลย
ต้องเจอกับทั้งการตรวจสอบ และการถ่วงดุลอำนาจจากรัฐสภา
การเปรียบเทียบนี้ไม่ได้ตัดสินว่า ประเทศยักษ์ใหญ่สองประเทศที่ใช้การบริหารและปกครองต่างกันใครเป็นฝ่ายชนะ
แต่ตัวอย่างนี้กำลังสะท้อนว่า ไม่มีระบบใดที่สมบูรณ์แบบและปราศจากปัญหา
ในเมื่อไทยแลนด์เลือกประกาศตัวแล้วว่าเป็นประชาธิปไตยและกำลังจะมีการเลือกตั้ง ก็ควรเดินหน้าไปยังเส้นทางนี้อย่างชัดเจนและพัฒนาให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เดินไปก้าวสองก้าวแล้วก็ลากกันถอยหลัง
อย่าลืมว่าโลกหมุนไปได้ทิศทางเดียว คือหมุนไปข้างหน้า
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์