การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการทำโพลในภูมิภาค มีตัวเลขที่น่าสนใจ อาทิ อีสานโพล เปิดเผยผลสำรวจระหว่างวันที่ 8-10 มีนาคม 2562 ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด พบว่าร้อยละ 43.6 มีแนวโน้มสนับสนุนพรรคเพื่อไทย รองลงมาร้อยละ 23.2 สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ตามมาด้วย ร้อยละ 11.7 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 6.6 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 6.2 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 3.3 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 2.2 เมื่อถามว่าต้องการให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 45.4 ต้องการเห็นแคนดิเดตจากเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด (คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 31.1 และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 14.3) รองลงมานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 24.9 ตามมาด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 11.9 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 7.0 ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจประชาชนภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด ซึ่งยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 66 ตัดสินใจแล้ว ร้อยละ 30 พรรคที่อยากเลือกมากที่สุดคืออนาคตใหม่ 26.9% ประชาธิปัตย์ 24.19% เพื่อไทย 19.30% พลังประชารัฐ 11.86% ประชาชาติ 7.67% ภูมิใจไทย 3.72% รวมพลังประชาชาติไทย 2.56% ส่วนคำถามว่า จะเลือกพรรคเดิมหรือไม่ พบว่า ไม่เลือกถึง 84.80% เลือกพรรคเดิม 15.20% ถามว่าอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า 41% ยังไม่ตัดสินใจ ส่วนที่เป็นบุคคลพบว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อันดับหนึ่ง 16.10% นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 12% พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 10.30% คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคเพื่อไทย 8% นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ 0.9%
ผลสำรวจมีนัยยะน่าสนใจ ก็คือ ประชาชนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะอีสานและใต้ ซึ่งถือเป็นฐานสำคัญของพรรคเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ หันมาให้ความสนใจพรรคการเมืองรุ่นใหม่มากขึ้น จนมีคะแนนนำพรรคเดิม และให้ความสนใจผู้นำทางการเมืองรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น ถึงขนาดสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตา เพราะเท่ากับประชาชนให้ความสนใจข้อมูลข่าวสารและรับรู้แล้วว่า มีพรรคไหนลงแข่งขันในการเลือกตั้งบ้าง การตอบโพลว่าจะไปเลือกพรรคคนรุ่นใหม่ ก็สะท้อนว่า ประชาชนต้องการเลือดใหม่ๆ เข้าไปดำเนินการทางการเมือง และต้องติดตามต่อไปว่า ประชาชนจะใช้สิทธิลงคะแนนเหมือนกับที่ได้ตอบผลสำรวจหรือไม่ หากเป็นจริง ก็เท่ากับว่า ประชาชนคนไทยได้ส่งสัญญาณทางการเมืองที่ชัดแจ้งถึงผู้มีอำนาจแล้ว
