ก่อนสงกรานต์นิดหน่อย เมื่อ 10 เมษายนที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวสำคัญพร้อมกันทั่วโลกอยู่ข่าวหนึ่่ง
นั่นคือการแถลงว่า นักวิทยาศาสตร์นานาชาติได้ร่วมมือกันถ่ายภาพ “หลุมดำ” หรือภาษาวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการเรียกว่า “หลุมดำมวลยวดยิ่ง” หรือ Supermassive Black Hole ได้เป็นครั้งแรก
หลุมดำที่ว่านี้ อยู่ที่ใจกลางกาแล็กซี M87 (เมสซิเยร์ 87-Messier 87) ห่างจากโลกประมาณ 55 ล้านปีแสง มีมวลประมาณ 6,500 ล้านเท่า ของมวลดวงอาทิตย์
ข่าวจากมติชนออนไลน์ระบุว่า ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เผยว่า นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีว่า “หลุมดำ” มีอยู่จริง แต่ยังไม่สามารถบันทึกภาพได้โดยตรง
ที่ผ่านมาที่เห็นภาพหลุมดำ เป็นการมองจากทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ส่วนภาพหลุมดำมวลยวดยิ่งบริเวณใจกลางกาแล็กซี M87 ที่ได้เห็นวันนี้ นับเป็นภาพหลุมดำภาพแรกที่บันทึกได้โดยตรง จะเห็นเป็นเงาของหลุมดำที่ห่อหุ้มหลุมดำ
เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 40,000 ล้านกิโลเมตร เงาของหลุมดำนี้ใหญ่กว่าขนาดจริงของหลุมดำประมาณ 2.5 เท่า นับเป็นหลุมดำที่มีขนาดใหญ่และใกล้โลกที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยศึกษามา
นั่นคือความก้าวหน้าล่าสุดของมนุษยชาติ ด้วยการใช้กล้องบนพื้นโลก ส่องไปในท้องฟ้า ถ่ายสิ่งที่อยู่ในทฤษฎีดาราศาสตร์มานานมาให้คนในโลกได้เห็นกัน และเมื่อก้าวมาถึงขั้นเอาภาพหลุมดำมาให้คนบนพื้นโลกได้ดูกัน ในอนาคตก็น่าจะมีภาพสิ่งลี้ลับต่างๆ ที่อยู่ไกลออกไป จนไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ มาให้ดูกันอีก
รูป “หลุมดำ” คงนำไปสู่การศึกษาอะไรต่อมิอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์อีกมาก ลูกหลานของเราคงจะได้รับรู้อะไรใหม่ๆ มากกว่าที่รุ่นชาวเราได้ร่ำเรียนกันมา
ความรู้ชุดใหม่ๆ จะเกิดขึ้น เหมือนกับระบบสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 5 หรือ 5G ที่กำลังก้าวเข้ามา นำไปสู่การปรับเปลี่ยนอีกมากมายในสังคม คนรุ่นใหม่จะเป็นผู้เลือกเองว่า เขาจะให้สังคมที่เขาจะต้องอยู่กับมันตลอดไปเป็นยังไง
ไม่ใช่ลุงๆ ป้าๆ ที่ยังเชื่อว่า “โลกแบน” หรือทันสมัยขึ้นมาหน่อย ก็พอจะยอมรับได้บ้างว่า “โลกกลม”
แต่ยังอดไม่ได้ที่จะงมงายกับการเมืองเก่าๆ วันๆ ตื่นมาสวัสดีตอนเช้ากันในไลน์ ฟอร์เวิร์ดพุทธสุภาษิต และคำคมธรรมะธัมโม กินน้ำมะนาว ไปพร้อมๆ กับอ่านข่าวลือปลอมๆ ที่ส่งต่อทางไลน์ ทางโซเชียลมีเดีย แล้วเชื่อหัวปักหัวปำ
อย่างการเลือกตั้ง 24 มี.ค. ในจินตนาการหรือ “มโน” ของคนรุ่นเก่า ย่อมฝันและปรารถนาเหลือเกิน อยากให้พรรคสนับสนุนทหาร และพรรคเก่าแก่ จะต้องชนะถล่มทลาย
เป็นไปตามที่ท่านนักกฎหมายใหญ่ผู้รักบ้านรักเมืองเหลือเกิน ท่านอุตส่าห์หอบสังขารลงมาคุมทีม ประดิดประดอยกฎหมาย สร้างกฎกติกา เพื่อจะแก้วิกฤตของบ้านเมือง
แล้วข้าราชการแก่ๆ เก่าๆ นักการเมืองหน้าตาคุ้นๆ ก็จะออกมาเป็นรัฐมนตรี ค่อยๆ กระย่องกระแย่งนำพาบ้านเมืองไปสู่ความไพบูลย์ ตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่อาจขยายเวลาจาก 20 เป็น 100 ปี
ประเทศจะปลอดจากการคอร์รัปชั่น เพราะมีการจัดอีเวนต์ต้านโกงทุก 2 เดือน จัดประกวดข่าว-บทความทุจริต ใส่นาฬิกาหรูคนละ 20 เรือน ไปยืนไขว้มือปฏิเสธทุจริตกันอย่างแข็งขัน
“ทุนสามานย์” จะโดนถอนรากถอนโคนไม่เหลือแม้ซาก มีแต่ “ทุนคุณธรรม” ที่พูดภาษาเดียวกับผู้มีอำนาจ
ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างลงตัวภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ห้ามแก้ห้ามรื้อ ฯลฯ
แต่ในความเป็นจริง คนรุ่นใหม่ และผู้รับผลสะเทือนจากคนรุ่นใหม่ ได้ออกมาทำให้ผลการเลือก ตั้ง 24 มีนาคม พลิกเปลี่ยนไป ทำให้ใครหลายคนนั่งกุมขมับอยู่ตอนนี้
พรรคที่โดนทุบโดนถองมาตั้งแต่ 2548 ยังไม่ตายจนแล้วจนรอด แถมยังกลับมาในตำแหน่งที่ 1 อีก
นี่ถ้าไม่โชว์ฟอร์มเหนือชั้น ไปแตกแบงก์ตั้งพรรคใหม่ แล้วเว้นไม่ส่งผู้สมัครไป 100 เขต ป่านนี้อาจเป็นหนังคนละม้วน
ส่วนพรรคที่ตั้งใหม่สดๆ ใช้อินเตอร์เน็ตหาเสียง ไม่มีหัวคะแนน ที่หน่วยข่าว หน่วยงานต่างๆ ทำโพลมา ไม่ให้ราคาสักกะบาท ดันเข้ามาเกือบจะ 100 เสียง ต้องไปคิดสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์กันมาใหม่วุ่นกันไปหมด
ผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น หากตีความกันตรงไปตรงมา ถึงเวลาต้องยอมรับว่า ในการเมืองของกลุ่มอำนาจที่พยายามจะลากกันไป 5 ปี-20 ปีนั้น มี “หลุมดำ” เบ้อเริ่ม ไม่ต้องเอานักดาราศาสตร์มาถ่ายรูปยืนยันก็ต้องรู้ว่ามีจริง
เพราะเป็นการเมืองที่เริ่มต้นจาก “ความคิด-ความรู้สึก” ของกลุ่มบุคคล ที่ชิงชังรังเกียจกลุ่มทุนอีกสายหนึ่ง
แล้วใช้เป็นตัวตั้ง ในการ “จัดระเบียบ” ประเทศ ซึ่งผ่านการ “ทดลอง” มาแล้วถ้านับจาก 2559 ก็ 13 ปี ถ้านับจาก 2557 ก็ 5 ปี น่าจะสรุปผลได้แล้ว
อำนาจที่ไม่มีการ “ตรวจสอบ” นั้น เป็นปัญหาในตัวเอง ไม่มีประเทศไหนสร้างความก้าวหน้าได้จากการเมืองที่ไม่มีการตรวจสอบ แม้แต่ “จีน” ที่ถือเป็นโมเดลในฝัน
ตรงกันข้าม สังคมที่ก้าวไปข้างหน้า จะส่งคนรุ่นใหม่มาท้าทายวิธีคิดวิธีทำแบบโบร่ำโบราณตลอดเวลา
ไม่ต้องไปยกมือไหว้ลูกหลานให้เชื่อเรา อย่างที่นักการเมืองกู้ชาติคนนั้นแนะนำก็ได้
แค่วันสงกรานต์ หยิบเสื้อลายมาใส่ เปิดเพลงสุนทราภรณ์ จิบอะไรเย็นๆ แล้วลองคิดใหม่ แยกความฝัน ความมโนออกจากความจริงให้ได้
เลือกตั้งแล้วเชื่อผลเลือกตั้ง โลกนี้ต้องแชร์กัน ต้องแบ่งกันอยู่ ถึงจะลงตัว
