จับตายุทธศาสตร์ กินทีละคำ เตะสกัดอนาคตใหม่

ไม่ใช่เรื่องนอกเหนือความคาดหมาย

เมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นมาในชีวิตจากคดีความ

ทั้งที่เป็นและไม่เป็นสาระ

ก็จะต้องถึงวาระของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ที่เป็น “คู่หู-คู่คิด”

Advertisement

ที่จะต้องมีภาระพิสูจน์ตนเองกับคดีความในทำนองเดียวกัน

10.00 น. 17 เมษายน

จากกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย คสช. กล่าวหานายปิยบุตร

Advertisement

ฐานดูหมิ่นศาลและนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

จนมีการออกหมายเรียกให้เข้าพบต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)

นายปิยบุตรพร้อมด้วยฝ่ายกฎหมายเดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนตามกำหนด ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

มีแกนนำและว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ นำโดย พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตลอดจนประชาชนและสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ กว่า 200 คน มายืนรอปรบมือต้อนรับ ตะโกนเชียร์

พร้อมมอบดอกไม้ และรูปภาพให้เป็นกำลังใจ

นอกจากนี้ ยังมี นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และตัวแทนจาก UNOHCR หรือสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ

เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นายปิยบุตรจะชวนทุกคนชูสามนิ้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การต่อต้าน คสช.และเผด็จการ

พร้อมกล่าวขอบคุณประชาชนที่มาร่วมเป็นกำลังใจให้ โดยระบุว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อนำเอาความยุติธรรมและก้าวหน้ากลับคืนสู่สังคมไทย

เรื่องคดีนั้นไม่ต้องกังวลถือว่า เป็นเกียรติยศของการต่อสู้

และกล่าวก่อนเข้าพบเจ้าหน้าที่ว่า วันนี้มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งตนไม่รู้สึกกังวล

และจะให้การปฏิเสธเนื่องจากถ้อยแถลงที่ได้พูดนั้นเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงวิชาการ ในฐานะนักกฎหมาย

“ผมเป็นอาจารย์สอนนิติศาสตร์สอนนักศึกษามาเป็นเวลาสิบกว่าปี ไม่เคยตกอยู่ในสถานะผู้ต้องหา

ก่อนหน้านี้ในฐานะนักวิชาการย่อมเคยวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาในทางวิชาการมาก็ไม่เคยถูกดำเนินคดี

แต่พอเล่นการเมืองไม่ถึง 1 ปี ก็ตกเป็นผู้ต้องหา

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย ที่จะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคน”

เมื่อถูกถามว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่นั้น นายปิยบุตรกล่าวว่า ก็เป็นหนึ่งในการตั้งข้อสังเกต

เพราะตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่มาไม่ถึงปี ก็ถูกแจ้งความแล้วหลายคดี

ที่น่าสนใจก็คือ ยุทธการ “หอกสนองคืนผู้ใช้” จากนายปิยบุตร

ที่ระบุว่า

การแจ้งความในครั้งนี้ของ พ.อ.บุรินทร์ แปลกกว่าทุกครั้ง เพราะมิใช่แจ้งในนามส่วนตัว

แต่เป็นการรับมอบอำนาจจาก คสช.มากล่าวโทษ

ซึ่งตนจะสอบถามพนักงานสอบสวนด้วยว่า นายพลใน คสช.คนใด

เป็นผู้เซ็นหนังสือมอบอำนาจให้มากล่าวโทษ

จะในฐานะ “น้องใหม่มาแรง” ทางการเมือง

ที่จะต้องถูก “รับน้อง” จากรุ่นพี่ที่ยังฝักใฝ่ในระบอบอำนาจนิยมก็ดี

หรือในฐานะ “ตัวแปร” สำคัญ ในการแข่งขันจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นก็ดี

ให้ประเมินได้ว่า เส้นทางการเมืองของ “ธนาธร-ปิยบุตร” จะมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ในทางตรงข้าม กลับจะมากด้วยขวากหนามและอุปสรรค ที่จะเข้ามาทดสอบและท้าทาย

ชนิด เด็ดหัวได้ก็เด็ด

เด็ดหัวไม่ได้ ก็ถ่วงแข้งขาเอาไว้ด้วยคดีความ มิให้มีเวลาหรือสติปัญญาในการรังสรรค์สิ่งที่สัญญาเอาไว้กับประชาชน

ยุทธศาสตร์ “เตะตัดขา” นั้นไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image