กรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูง นำไปสู่มุมมองที่แตกต่างกันเป็นอย่างสูง ไม่ว่าในทางบวก ไม่ว่าในทางลบ
หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2561
ก็ต้องยอมรับว่านามของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ก่อให้เกิดการแยกขั้ว แบ่งฝ่าย อย่างชนิดที่เรียกได้ว่าแตกต่างและตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
เริ่มจากท่าทีต่อ “พรรคความหวังใหม่”
ด้านหลัก มองเห็นว่าเป็นความเพ้อฝันเหมือนกับพรรคพลังใหม่เคยฝันเมื่อปี 2517 เหมือนกับพรรคพลังธรรมเคยฝันเมื่อปี 2531
ด้านรอง มองเห็นว่าเป็นความกล้าหาญ จุดประกาย
แต่พอผ่านจากปี 2561 เข้าสู่ปี 2562 ก็เริ่มตกใจเพราะที่เคยสบประมาทกลับกลายเป็นตรงกันข้ามเพราะพรรคอนาคตใหม่สามารถสร้าง “กระแส” ขึ้นมาได้
พลันที่ถึงวันที่ 24 มีนาคม ก็โป๊ะเชะ
วันที่ 24 มีนาคม อาจมาพร้อมกับที่พรรคพลังประชารัฐได้ป๊อปปูลาร์โหวต 8.4 ล้านคะแนน ได้ ส.ส.รวมทั้ง 2 ระบบ ประมาณ 116 คน
พรรคอนาคตใหม่ได้ป๊อปปูลาร์โหวต 6.2 ล้าน ได้ ส.ส.ประมาณ 80 คน
น้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน เท่ากับยืนยันว่าความมั่นใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สูงกว่าความมั่นใจต่อพรรคอนาคตใหม่และต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างแน่นอน
นั่นเท่ากับชี้ว่าพรรคพลังประชารัฐยึดครองด้านหลัก
นั่นเท่ากับชี้ว่าพรรคอนาคตใหม่อยู่ในฐานะเป็นด้านรอง
แต่พลันที่มีการเคลื่อนไหวของ คสช.ที่ สน.ปทุมวัน ที่ บก.ปอท. ประสานกับปฏิบัติการ IO เล่นงาน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เล่นงาน นายปิยบุตร แสงกนกกุล และพรรคอนาคตใหม่
คนก็เริ่มสงสัยใน “ท่าที” ของ คสช.
เท่ากับสะท้อนให้เห็นว่าชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้เป็นหลักประกันอันแข็งแกร่งอย่างเพียงพอให้กับ คสช.
ธงที่ คสช.สำแดงออกต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และพรรคอนาคตใหม่ นั้นเองชี้ว่า “ยุทธศาสตร์” ของ คสช.วางน้ำหนักอยู่ที่ใด
ไม่ใช่ต่อพรรคเพื่อไทย
แม้จะมีการรุกไล่และฟื้นคดีต่อ นายทักษิณ ชินวัตร และต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ
พรรคอนาคตใหม่ต่างหากที่ คสช.หวั่นไหว
เพราะหากป๊อปปูลาร์โหวต 6.2 ล้านของพรรคอนาคตใหม่ผนวกเข้ากับป๊อปปูลาร์โหวต 7.9 ล้านเท่ากับ 14.1 ล้านเสียง
มากกว่า 8.4 ของพรรคพลังประชารัฐ
คสช.ประเมินว่าพรรคเพื่อไทยอ่อนเปลี้ยอยู่แล้วในทางการเมือง มีก็แต่พรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่ยังสดใหม่ กระชุ่มกระชวย
ทุกบาทาจึงกระหน่ำเข้าใส่พรรคอนาคตใหม่
สถานการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ภายหลังวันที่ 24 มีนาคม ก็ทำนองเดียวกับสถานการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ภายหลังการเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2561
ด้าน 1 น่าเป็นห่วง ด้าน 1 น่าตั้งความหวัง
คำถามอยู่ที่ว่าชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่จะอีหรอบเดียวกับของพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย หรือไม่
หากมิใช่หลังวันที่ 9 พฤษภาคม จะเป็นเช่นใด
