ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

Thailand's newly crowned King Maha Vajiralongkorn is seen during his coronation procession, in Bangkok, Thailand May 5, 2019. REUTERS/Jorge Silva

สัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างก็มีจิตใจจดจ่อคอยเฝ้าชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เริ่มตั้งแต่พิธีการตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จากจังหวัดต่างๆ แล้วทำพิธีเสกน้ำในอุโบสถวัดสำคัญของจังหวัด รวมกับสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดสุพรรณบุรีได้แก่ สระแก้ว สระคา สระยมนา สระเกษ รวมกับน้ำในแม่น้ำสำคัญทั้ง 5 สาย ซึ่งคงจะใช้ทดแทนปัญจมหานที แม่น้ำ 5 สายที่ไหลมาจากสรวงสวรค์บนเทือกเขาหิมาลัยในอินเดีย

พสกนิกรทั่วประเทศที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปีลงมา แม้ว่าบางคนคงจะเกิดทันพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แต่ก็คงจะจำภาพเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ เพราะยังมีอายุไม่มาก ส่วนผู้ที่มีอายุมากอาจจะจำความได้ บัดนี้ก็คงจะไม่อยู่เสียแล้ว อีกทั้งในขณะนั้นก็ยังไม่มีสถานีโทรทัศน์ที่จะทำการถ่ายทอดภาพพิธีอันยิ่งใหญ่ให้เห็นสดๆ อย่างทุกวันนี้ เพียงแต่ได้เห็นภาพยนตร์ขาวดำในโอกาสต่อมา ความรู้สึกจึงไม่เหมือนกับได้ชมภาพการถ่ายทอดในครั้งนี้ที่เหมือนกับได้เข้าเฝ้าอยู่ร่วมในพิธีอย่างใกล้ชิด

หลังจากพิธีเสกน้ำมุรธาภิเษก ประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกวัยทุกเพศทุกฐานะต่างก็มีจิตใจจดจ่อ รอชมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยการถวายน้ำและการทรงรับน้ำมุรธาภิเษก ทรงสรงน้ำด้วยพระองค์เองจากพระเศียรตลอดพระวรกายถึงพระบาท ก่อนที่จะทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ เพื่อจะรับเครื่องเบญจกกุธภัณฑ์ อันได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี พัดโบกวาลวิชนีและแส้ขนช้างเผือก ธารพระกรที่ทำจากไม้ชัยพฤกษ์หุ้มด้วยทองคำ และฉลองพระบาทเชิงงอน รวมทั้งพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร อันเป็นการดำรงพระอิสริยยศพระมหากษัตริย์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 อย่างสมบูรณ์

ยังความปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้จากมหาชนชาวไทยทุกเพศทุกวัย ทุกเชื้อชาติและสมณชีพราหมณ์ นักบวชทุกนิกาย ทุกศาสนาที่อาศัยพระบรมโพธิสมภารเป็นที่พึ่ง

Advertisement

ในวันต่อมาก็ได้รับทราบประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ พระราชโอรส พระราชธิดา ขึ้นเป็นเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ ขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า เปลี่ยนพระฐานันดรศักดิ์พระเจ้าน้องนางเธอและพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่พระบรมวงศ์ที่ใกล้ชิดทุกพระองค์

ที่เป็นที่ปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งก็คือ ได้มีพิธีสถาปนาพระบรมราชินีขึ้นในคราวเดียวกัน เท่ากับประชาชนชาวไทยได้ในสิ่งที่ตนอยากได้อยากเห็นครบทุกประการ

ขบวนพยุหยาตราสถลมารค ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงสวมพระมาลาเส้าสูง ประดับด้วยขนนกการเวก ประทับอยู่บนพระที่นั่งพุดตานทองพร้อมด้วยเครื่องสูง พร้อมด้วยริ้วขบวนที่แต่งกายตามแบบประเพณีโบราณ กองเกียรติยศของ 3 เหล่าทัพบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อน ผสมกับเสียงตีกลองชนะตามประเพณีเดิม ทำให้ขบวนอิสริยยศดูสง่างาม เคร่งขรึม ศักดิ์สิทธิ์ เป็นอย่างยิ่ง

เส้นทางของการเสด็จฯ โดยขบวนพยุหยาตราสถลมารคมีระยะทางไปกลับยาวถึง 7 กิโลเมตร เพื่อไปนมัสการพระพุทธรูปสำคัญคือ พระพุทธชินสีห์ ที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระอังคีรส ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และพระพุทธเทวปฏิมากร ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

ตลอดทางทรงประทับอยู่บนพระที่นั่งพุดตานทองบนคานหาม 16 คน เป็นภาพที่ประทับใจ เมื่อมีภาพพระบรมมหาราชวังเป็นฉากเบื้องหลัง

ในวันที่ 6 พฤษภาคม อันเป็นวันสุดท้ายของพิธีบรมราชาภิเษกซึ่งทุกคนเฝ้ารอ เพราะเป็นวันที่จะเสด็จออกมหาสมาคมพร้อมกับสมเด็จพระบรมราชินี พระราชโอรสและพระราชธิดา ก่อนเสด็จออกมหาสมาคมทางระเบียงพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ซึ่งตั้งอยู่บนกำแพงพระบรมมหาราชวังด้านตะวันออก ผู้นำศาสนาทุกศาสนาที่สำคัญและผู้แทนทางการค้าต่างๆ ได้มารอเฝ้าถวายพระพรอยู่แล้ว ก่อนที่จะเสด็จขึ้นพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อรับคณะทูตานุทูต กงสุล ผู้แทนต่างประเทศได้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร

ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น จะได้มีการประกาศ “พระปฐมบรมราชโองการ” ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะมีการนำมาใช้อ้างอิงอยู่เสมอตลอดรัชกาล พระปฐมบรมราชโองการของรัชกาลนี้มีความว่า “เราจะสืบสาน รักษาและต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

ซึ่งสอดคล้องกับพระปฐมบรมราชโองการของรัชกาลก่อนที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระปฐมบรมราชโองการดังกล่าวเป็นประจักษ์พยานอันแจ่มชัดว่า พระองค์จะทรงสืบสาน รักษาและต่อยอดปณิฐานของสมเด็จพระราชบิดา อันเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อพระบรมราชชนกอย่างหนักแน่น เพราะการตอบแทนพระคุณของบุพการีไม่มีสิ่งใดสำคัญยิ่งไปกว่าการสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชกรณียกิจของพระราชบุพการี ที่ทรงกระทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย

พระปฐมบรมราชโองการนี้เป็นการยกย่องเชิดชูพระราชบุพการีอย่างแท้จริง มิได้เป็นปณิธานที่จะทรงดำริเองทั้งหมด แต่จะสืบสาน รักษาและต่อยอด สิ่งที่พระราชบิดาได้ทรงทำไว้ จะต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวไทย เป็นพระราชโองการที่สวยงามและเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ในทางกฎหมายและในทางปฏิบัติ พระมหากษัตริย์หากทรงบรรลุนิติภาวะก็ทรงมีพระราชอำนาจเต็มอยู่แล้ว เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ พิธีบรมราชภิเษกเป็นโบราณราชประเพณีที่ยกฐานะของพระมหากษัตริย์ขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพื่อทรงจารึกพระปรมาภิไธยในพระสุพรรณบัฏ ซึ่งจะเป็นพระปรมาภิไธยอย่างเป็นทางการของพระรามาธิบดี อันเป็นชื่อของรัชกาลแห่งบรมราชจักรีวงศ์

พิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ไทยที่ผ่านมานั้น ยิ่งใหญ่ สง่า โอฬาร ยิ่งกว่าพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ของประเทศใดที่มีกษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ สเปน และประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย รวมทั้งประเทศอื่นๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกและแอฟริกา ภาพขบวนพยุหยาตราสถลมารคและพยุหยาตราชลมารคซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม ก็จะเป็นภาพที่ครบถ้วนสมบูรณ์

การทำนุบำรุงรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดต่อๆ กันมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ ย่อมจะมีคุณค่าทางจิตใจทางสังคมและทางการเมืองอย่างหาค่าประมาณมิได้ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นสิ่งที่มีค่าอันประมาณมิได้สำหรับประเทศ เป็นศูนย์รวมทางจิตใจสำหรับประชาชนทุกหมู่เหล่า เป็นบ่อเกิดของความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ หลายครั้งที่ประชาชนสิ้นหวัง เกิดความแตกแยกทางความคิด ทางการกระทำ แต่เมื่อเรื่องไปถึงพระมหากษัตริย์พระองค์ก็ทรงสามารถปัดเป่าทุกข์ภัย ความแตกแยก โดยเฉพาะความแตกต่างทางชาติพันธุ์ ศาสนา ความเชื่อถือ ต่างก็รวมจิตใจหลอมละลายเข้าเป็นชาติไทยอันเดียวกัน เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะยึดเหนี่ยวร่วมกัน

ในยุคโบราณพระมหากษัตริย์ทรงนำกองทัพออกหน้าสู้รบกับศัตรูจนได้ชัยชนะ ในยุคล่าเมืองขึ้นของชาติตะวันตก พระมหากษัตริย์ก็ทรงเป็นหลักในการดำเนินวิเทโศบายผ่อนหนักเป็นเบา เสียอวัยวะส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ รักษาความเป็นประเทศ ความเป็นชาติและความเป็นรัฐไทยเอาไว้ได้ ไม่สูญเสียอธิปไตย ดำรงไว้ซึ่งเอกราชของชาติสืบมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดไม่อาจจะทำได้

เคยมีนักเขียนชาวตะวันตกให้สมญาพระมหากษัตริย์ไทยว่าทรงเป็น “วิญญาณของแผ่นดิน” หรือ “Soul of the Nation” ซึ่งก็คงไม่ผิดจากความเป็นจริง

จึงไม่แปลกที่จะเห็นภาพของมหาชนร่วมใจกันแต่งกายในชุดสีเหลือง เดินทางมาเฝ้าชมพระบารมีในการออกมหาสมาคมที่สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท บนกำแพงพระบรมมหาราชวัง พร้อมกับเปล่งวาจาทรงพระเจริญอย่างพร้อมเพรียงและกึกก้องเป็นเวลานาน

ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image