ภาพเก่า เล่าตำนาน : ที่ไหน..เมืองไหน..ร้อนดั่งไฟนรกโดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

22 เมษายน 2562 ในเว็บไซต์ eldoradoweather.com ที่รวบรวมข้อมูลสภาพอากาศจากทั่วโลก ได้มีการจัดอันดับ 15 เมืองที่อุณหภูมิสูงสุดในโลกของช่วง
24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พบว่าประเทศไทยมีพื้นที่ร้อนจัดติดอันดับโลกถึง 7 แห่งด้วยกัน ลองมาดูสถิติที่ไม่อยากจะเชื่อ แต่ต้องเชื่อครับ…

1.เมืองเชาะ (เมียนมา) 44.7 องศาเซลเซียส
2.เมน-โซโรอา (ไนเจอร์) 44.2 องศาเซลเซียส
3.เมืองดิฟฟา (ไนเจอร์) 44 องศาเซลเซียส
4.เบอร์นี-เอ็นคอนนี (ไนเจอร์) 43.6 องศาเซลเซียส
5.อ.เถิน จ.ลำปาง (ไทย) 43.5 องศาเซลเซียส
6.ทีราเบรี (ไนเจอร์) 43.5 องศาเซลเซียส
7.จ.เลย (ไทย) 43.4 องศาเซลเซียส
8.เอ็นกวิกมี (ไนเจอร์) 43.2 องศาเซลเซียส
9.จ.แม่ฮ่องสอน (ไทย) 42.9 องศาเซลเซียส
10.จ.เลย (ไทย) 42.8 องศาเซลเซียส
11.เมืองเอ็นจาเมนา (ชาด) 42.8 องศาเซลเซียส
12.จ.หนองบัวลำภู (ไทย) 42.7 องศาเซลเซียส
13.จ.ตาก (ไทย) 42.7 องศาเซลเซียส
14.มาตัม (เซเนกัล) 42.6 องศาเซลเซียส
15.จ.เพชรบูรณ์ (ไทย) 42.6 องศาเซลเซียส

เมืองไทยยุค 4.0 …ไม่ธรรมดานะครับ…ถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนไทยต้องรับรู้

Advertisement

ชาวสยามสมัยก่อนโน้นไม่ใส่เสื้อ มีแต่ผ้านุ่งท่อนล่างบางๆ แม้กระทั่งสตรีศรีสยามในอดีต ก็ถือเป็นปกติวิสัยที่ต้องเอาตัวรอด อยู่กะเหย้าเฝ้ากะเรือนให้สบาย ไม่ให้เรือนร่างต้องร้อนอบอ้าว

เธอทั้งหลายจึงไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อปกปิดท่อนบน หรือถ้าจะมี ก็เป็นอาภรณ์เบาบาง และน้อยชิ้น ดีที่สุด คือ เสื้อคอกระเช้า
ที่แสนจะมีอิสระเสรี แต่ก็แฝงด้วยความโลดโผนไร้ขีดจำกัดของอวัยวะภายใน

สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในเมืองไทยตอนนี้ ทำให้หวนนึกรำพึงรำพันถึงวันก่อนเก่า ..มีคำถามว่า “แล้วเมื่อร้อยปีก่อน..มันร้อนแบบนี้รึเปล่าวะ ?”

Advertisement

ไม่มีชาวสยามบันทึกอะไรไว้เลย มีแต่เพียงชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาที่อยุธยา และกรุงเทพฯ พร้อมกับความรู้ พอจะมีมาตรฐานการวัดอุณหภูมิ บอกเล่าไว้บางส่วน…

นายอองรี มูโอต์ (Henri Mouhot) นักสำรวจชาวฝรั่งเศส ผู้เปิดดินแดนอินโดจีนสู่สังคมโลก ที่ได้เดินทางเข้ามาสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 4 บันทึกเรื่องอากาศร้อนของสยามไว้ในบันทึก 2 ช่วงระหว่างการเดินทางดังนี้ครับ

1.“…ที่อยุธยา บางครั้งอากาศร้อนจัด พวกเราเจอกับอุณหภูมิในร่มระดับ 32 องเซลเซียสทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่ 8 วัน…”

2.“…พอใกล้จะถึงปากเพรียว อากาศตอนกลางวันร้อนจัด อุณหภูมิสูงขึ้น ในร่มวัดได้ 32 องศา

แสดงว่าในสมัยในหลวง ร.4 อุณหภูมิ 32-35 องศา ก็ถือว่าร้อนมากโขแล้วสำหรับฝรั่งจากยุโรป…

ชาวสยามก็มิได้เปลื้องผ้าทั้งปีทั้งชาตินะครับ ในจดหมายเหตุลาลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม แปลโดย สันต์ ท.โกมลบุตร เขียนไว้ว่า

“ในฤดูหนาว ลางทีชาวสยามก็ใช้ผ้าตามความกว้าง หรือผ้าลินินมีดอกดวงคลุมไหล่ เป็นทำนองเสื้อคลุมหรือผ้าคลุมไหล่ โดยพันชายผ้าเข้าไว้กับลำแขน อย่างค่อนข้างโก้พอใช้”…..

ที่ไม่ใส่เสื้อ ก็มีเหตุ มีผล และเพื่อปรับชีวิตเข้ากับธรรมชาติ

คนไทยในอดีตก็มีวิธีการที่จะอยู่กับ “ความร้อนอบอ้าว” แบบคิดได้เอง บ้าน วัด สิ่งก่อสร้าง จะยกพื้นสูง ใต้ถุนสูง หลังคาทรงสูง ให้น้ำให้ลมได้ระบาย ถึงอากาศจะร้อนแต่ลมระบายได้ดี มีช่อง มีโพรงให้ลมพลิ้วเข้า พลิ้วออก แต่ปัจจุบันนี้ สิ่งปลูกสร้าง อาคารเน้นใช้ประโยชน์ทุกตารางนิ้ว ลมจึงไม่มีทางระบายถ่ายเท คลอง คูน้ำก็ถมดินกลายเป็นมีถนน มีตึกมาขวางทางลมไม่มีที่จะไป

ชาวสยามเพิ่งจะมาสวมเสื้อเป็นเรื่องเป็นราวสมัยในหลวง ร.4 นี่เอง โดยโปรดให้ข้าราชการสวมเสื้อเข้าเฝ้า ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ 4 ว่า

“…..เวลาวันหนึ่ง ข้าราชการเข้าเฝ้าฯที่พลับพลาโรงแสงพร้อมกัน ครั้งนั้นยังไม่มีธรรมเนียมที่จะสวมเสื้อเข้าเฝ้าฯ จึงดำรัสว่า ดูคนที่ไม่สวมเสื้อเหมือนเปลือยกาย ร่างกายจะเป็นเกลื้อนกลากก็ดี หรือเหงื่อออกมาก็ดี …. ขอท่านทั้งหลายจงสวมเสื้อเข้ามาในที่เฝ้าฯจงทุกคน ตั้งแต่นั้นมาเจ้าและขุนนางก็สวมเสื้ออย่างน้อยเข้าเฝ้าฯทุกคน”

เมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว รถยนต์ติดแอร์เป็นเรื่องไกลสุดขอบฟ้า ในกรุงเทพฯ กลางวันแดดเปรี้ยง รถยนต์ไม่มีแอร์ ขับรถเปิดกระจก เปิดหูช้างให้ลมเป่า ก็แสนสบาย โรงเรียน สถานที่ทำงาน ร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านกาแฟ บ้านเรือนไม่มีแอร์ มีแค่พัดลม ก็โก้หรูอยู่สบาย

นอนกางมุ้งเปิดพัดลมเป่านอกมุ้ง ให้มุ้งโย้ไปตามแรงลมพัด เดือนเมษายนก็แสนจะสุโขสโมสร

ภาพเก่า..เล่าตำนาน ขอเปิดโลกทรรศน์ไปดูบ้านเมืองอื่นเค้าบ้างครับ

เมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ของ นาซา (NASA) ใช้ดาวเทียมในการวัดอุณหภูมิบนพื้นผิวโลก เพราะบางพื้นที่ก็ไม่สามารถเอาปรอทไปตั้งวัดได้ เก็บข้อมูลอยู่นาน 7 ปี พบว่าในบรรดาทะเลทรายทั่วโลก ทะเลทราย ชื่อว่า ลุต (Lut) ในอิหร่าน ในปี พ.ศ. 2548 เคยมีอุณหภูมิผิวพื้นสูงที่สุดถึง 70.7 องศาเซลเซียส และต่อเนื่องกันมาอีกหลายปี ทะเลทรายลุต ในอิหร่านเป็นแชมป์ร้อนมหากาฬดั่งไฟนรกบนโลกใบนี้แบบไม่มีที่ไหนจะร้อนกว่านี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าพื้นที่ทรายสีเข้มจะร้อนกว่าพื้นที่ทรายสีอ่อน

ลองมาดูเมืองที่มนุษย์อาศัยบนโลกนี้ โดยเฉพาะเมืองและชนบท

หลักการวัดอุณหภูมิ จะต้องตั้งเครื่องมือสูงจากพื้นราว 1.2-2 เมตร ต้องวัดขณะมีแสงแดด แต่เครื่องมือต้องไม่โดนแดดโดยตรง

หุบเขามรณะ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (Death Valley, California) เคยมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 56.7 เซลเซียส ในช่วงหน้าร้อนในปี พ.ศ.2456 อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 42.3 เซลเซียส ในกรกฎาคม ปี 2561 ที่ผ่านมาร้อนถึง 42.28 องศา

เฉพาะพื้นที่ที่เรียกว่าเฟอร์เนซครีก (Furnace Creek) ในหุบเขามรณะ รัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้อากาศแปรปรวนที่สุดระหว่าง 10-46 องศา

10 กรกฎาคม 2520 กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ร้อนถึง 48.0 องศา เป็นอุณหภูมิที่สูงที่สุดในยุโรป วันนั้นคลื่นความร้อนถล่มคาบสมุทรกรีซและคาบสมุทรอนาโตเลีย (ตุรกี) รวมถึงเกาะครีต มีคนล้มป่วยเพราะฮีตสโตรกถึง 40 ราย

วาดี ฮัลฟา ประเทศซูดาน (Wadi Halfa, Sudan) เมษายน พ.ศ.2510 บริเวณริมฝั่งทะเลสาบนูไบ แตะที่ 53 องศา
อิสราเอล ในปี พ.ศ.2485 เคยร้อนถึง 54 องศา
เมืองทิมบัคตู ประเทศมาลี ตั้งอยู่ขอบทิศใต้ทะเลทรายซาฮารา เคยมีอุณหภูมิปรี๊ดขึ้นไปถึง 49 องศา
เมืองเคบิลี ประเทศตูนิเซีย เคยแตะที่ 55 องศา
เมืองกาดาเม ประเทศลิเบีย ไปถึง 55 องศา
เมืองเอลบายัธ (El Bayadh) ประเทศแอลจีเรีย เคยมีอุณหภูมิสูงถึง 51.3 องศา ระอุที่สุดในแอฟริกา เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561
เมืองมิตริบาห์ (Mitribah) เป็นสถานีวัดอากาศของคูเวต พบว่าเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 เมืองนี้ร้อนถึง 54 องศา หรือร้อนที่สุดในเอเชียและโลก ….
เมืองอุดนาดัตตา (Oodnadatta) รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย ทุบสถิติ 50.7 องศาเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2503

ส่วนเพื่อนบ้านของไทยที่ไม่ใกล้ไม่ไกล คือ อินเดีย ที่เป็นแชมป์ในทุกเรื่อง เมื่อ 24 พ.ค. 2558 อากาศร้อนจัดในประเทศอินเดีย เมือง
กัมมาน รัฐเตลังคานา ร้อนสุดในรอบ 68 ปี แตะที่ 48 องศา ร้อนระอุ 3 วัน ติดต่อกัน มีคนตาย 335 ราย และร้อนจัด คนตายทุกปีในหลายรัฐ หลายพื้นที่ รวมทั้งสัตว์ทั้งปวง

จากการตรวจสอบข้อมูลแบบกว้างๆ พบว่าสภาพอากาศร้อนจัดแบบไฟนรก จะเปลี่ยนพื้นที่ไป ไม่เฉพาะเจาะจงอยู่พื้นที่เดียวตายตัว

ที่บอกกล่าวมาทั้งหมดนี้…ขอให้ภูมิใจได้ว่า เมื่อ 22 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา พื้นที่ 15 แห่งที่ร้อนที่สุดในโลกนั้น ประเทศไทยประกาศศักดาถือธงนำโด่ง กินขาด ร้อนราวนรกแตกถึง 7 พื้นที่ ตามข้อมูลข้างบนนะครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image