เดินหน้าชน : เร่งฟื้นศก. : โดย สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

ดูเหมือนว่าทิศทางการเมืองไทยนับจากนี้ จะเป็นเหมือนกับที่ใครหลายคนคาดการณ์ไว้ ตั้งแต่ก่อนมีการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562

คือสภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในสภาพแบบนี้ ย่อมไม่เกิดผลดีกับการบริหารบ้านเมืองอย่างแน่นอน

ในสถานการณ์ที่คนไทยกำลังประสบปัญหารุมเร้าหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง

ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่แสนเหนื่อยยากสำหรับใครหลายคน

Advertisement

เพราะเป็นช่วงเตรียมเปิดเทอมใหม่ บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองต่างมีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย

ในขณะที่รายได้เข้ากระเป๋าก็ช่างเหี่ยวเฉาเต็มที ถึงแม้จะพอมีเข้ามาบ้าง แต่ส่วนใหญ่คงไม่เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นที่ประเดประดังเข้ามามากมายในช่วงเวลานี้

หากย้อนไปเมื่อไม่นานมานี้ ภายหลังการเลือกตั้ง จะเห็นได้ว่าประชาชนเริ่มได้รับผลกระทบในเรื่องต่างๆ

Advertisement

ทั้งค่ารถโดยสาร ค่าน้ำมัน ค่าสินค้า ค่าอาหาร ค่าก๊าซ ต่างพาเหรดขยับราคาขึ้นกันเป็นแถว

ถึงแม้บางอย่างบางตัว เช่น ราคาน้ำมัน ยังมีขยับลงบ้าง แต่ถ้าคิดถึงช่วงที่ขยับขึ้นติดกันหลายๆ ครั้ง ก็จะเห็นภาพของการขยับฐานราคาขั้นต่ำน้ำมันขึ้นมาแล้ว

ยิ่งมาเจอกับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่ สหรัฐกับจีน ประกาศใช้มาตรการด้านภาษีตอบโต้ระหว่างกัน นั่นหมายความว่าเกิดความแปรปรวนขึ้นในภาคเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ

ประเทศไทยที่ยังคงต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลักของประเทศมากถึง 70-80% ของรายได้ทั้งหมด ย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะตามมาได้

ทำให้สถาบันทางด้านเศรษฐกิจต่างๆ ต้องออกมาประกาศปรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยลดลงกันถ้วนหน้า

อย่างล่าสุด นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงสถานการณ์การค้าโลกที่เริ่มรุนแรงจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนว่า

หากสงครามการค้ามีความรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบัน อาจกระทบการส่งออกของไทยปีนี้ให้หลุดเป้าหมายลดลงต่ำกว่าระดับ 3% ได้

จากปี 2561 สามารถขยายตัว 6.7% เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะภาคการส่งออก ยังคงถูกกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนดังกล่าว รวมทั้งการเมืองไทยยังไม่มีการตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ

นายสุพันธุ์ชี้ช่องให้เห็นว่า รัฐบาลต้องเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อรองรับและเพิ่มมาตรการต่างๆ และหากมองอีกมุม ในระยะสั้น อาจเป็นผลดีกับไทย เพราะผู้นำเข้าจะหันมาซื้อสินค้าไทยที่เป็นประเภทเดียวกับจีนมากขึ้น

ล่าสุดทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้แก่ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ได้ประมาณการขยายตัวคาดว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัว 3.7-4% การส่งออกขยายตัว 3-5%

จะมีการประเมินเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ และแน่นอนว่าสถานการณ์จากสงครามการค้าจะเป็นเรื่องหลักหนึ่งที่ กกร.ให้ความสำคัญ

ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ดูเหมือนจะยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ฝ่ายการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบกับประชาชนเป็นหลัก

อย่าเล่นเกมการเมืองกันจนบ้านเมืองไปไม่ถึงไหน ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชนไม่ได้รับการแก้ไข

และอาจเป็นการเปิดช่องให้อำนาจนอกระบบเข้ามาครอบงำประเทศ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ดังนั้นหากถึงทางตัน ก็ควรใช้วิถีแห่งประชาธิปไตย เป็นแนวทางในการแก้ไขเท่านั้น ไม่เช่นนั้นวงจรอุบาทว์ของประเทศไทยก็จะเวียนกลับมาอีกครั้ง

สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image