รื่นร่มรมเยศ : เมื่อผมเล่นผีถ้วยแก้ว : โดย เสฐียรพงศ์ วรรณปก

ตามปกติผมไม่ค่อยสนใจเรื่องผีเปรตอะไรและไม่ค่อยอยากเขียนเรื่องประเภทนี้ด้วย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมมันคนกลัวผี เขียนไปก็ขนลุกไป ไม่คุ้มไม่เคยเลยพับผ่า

ผมไม่เคยโดนผีหลอก นึกไม่ออกว่าถ้าถูกมันหลอกเข้าจะเป็นอย่างไร เขาว่าคนถูกผีหลอกจะจับไข้หัวโกร๋นพอๆ กับคนป่วยเป็นโรคมะเร็ง เพราะเป็นคนกลัวผี ผมจึงสวดมนต์และแผ่เมตตาเป็นประจำ

มนต์บทที่ผมสวดประจำคือ กรณียเมตตสูตร (สูตรว่าด้วยเมตตา)

พระพุทธเจ้าตรัสบอกให้พระสวด พระจำนวนร้อยกราบทูลลาพระพุทธเจ้าไปจำพรรษาในป่าแห่งหนึ่ง ถูกผีหลอกหลอนจนอยู่ไม่ได้ กลับไปหาพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ตรัสว่า “พวกเธอจงเอาอาวุธไปด้วยสิ” เมื่อพระเหล่านั้นกราบทูลถามว่า “จะให้เอาอาวุธชนิดไหนไป พระเจ้าข้า”

Advertisement

พระองค์ตรัสว่า “อาวุธที่ว่านี้มิใช่ปืนผาหน้าไม้” หมายถึง “การแผ่เมตตา” ว่าแล้วพระองค์ก็ตรัสสอนให้พระเหล่านั้นสวดมนต์บทที่เรียกว่า “กรณียเมตตสูตร”

เมื่อพวกพระกลับไปยังป่าแห่งเดิม พากันสวดมนต์ที่พระพุทธองค์ประทานมาทุกวันทุกคืน พวกผีหรือรุกขเทวดาที่เคยหลอกหลอนก็กลับมีจิตรักใคร่ในพระเหล่านั้นไม่มาหลอกอีกต่อไป

นี่คือประวัติความเป็นมาของบทสวดมนต์บทนี้ ผมได้อ่านเข้าก็รู้สึกประทับใจและมีความเชื่อมั่นว่า มนต์บทนี้คงต้อง “ขลัง” แน่นอน จึงสวดเป็นประจำก่อนนอน หลังจากสวดจบก็แผ่เมตตาอีกทีหนึ่งแล้วจึงนอน

Advertisement

อาจจะเพราะอย่างนี้ก็ได้ ผีมันจึงไม่หลอกผม (แฟนคนไหนอยากได้มนต์บทนี้ไปสวดก็ขอมาได้ ยาวนะบอกไว้ก่อน)

ผมเคยพูดไว้ว่าการติดต่อกับผีหรือเทวดาสามารถทำได้ 3 ทาง หนึ่งในสามทางนั้นคือ การเชิญผีลงถ้วยแก้ว (อาทาสปัญหา) หรือที่ไทยๆ เรียกว่า “เล่นผีถ้วยแก้ว” นั่นเอง

ผีถ้วยแก้วเขาเล่นกันยังไง แต่ก่อนผมก็ไม่เคยรู้เรื่อง มารู้เอาสมัยบวชพระ แถมยังอยู่ต่างประเทศด้วย ลูกศิษย์ที่เป็นนักเรียนไทยในอังกฤษชวนเชิญผีถ้วยแก้ว ผมถามว่าทำยังไง ลูกศิษย์มันบอกว่าไปหากระดานแข็งๆ มาแผ่นใหญ่แผ่นหนึ่งกับถ้วยมาใบหนึ่ง แล้วมันจะทำให้ดู เราก็เตรียมของที่เขาต้องการมาให้

เจ้าลูกศิษย์เธอก็เอาปากกาเมจิกเขียนตัวอักษรไทยตั้งแต่ ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก รวมทั้งสระทั้งหมดใส่ไว้เป็นช่องๆ เสร็จแล้วก็เอาถ้วยเล็กๆ มาใบหนึ่งวางไว้ตรงกลาง (ลูกศิษย์บอกว่าไม่ใช้ถ้วย จะใช้เหรียญแทนก็ได้)

เสร็จแล้วเอาธูปมาดอกหนึ่ง จุดไฟแล้วนำไปปักไว้กลางแจ้งทำนองขอเชิญผีที่ต้องการติดต่อเข้ามา อะไรทำนองนั้นแหละ

ลูกศิษย์ถามผมว่าจะเชิญใคร ผมบอกว่าลองเชิญพ่อมาดูสิ อยากจะรู้ว่าป่านนี้ไปเกิดเป็นอะไรอยู่ที่ไหน ลูกศิษย์บอกผมให้ตั้งจิตอธิษฐานเชิญพ่อลงมา เอามือ (ความจริงนิ้วชี้) แตะที่แก้วซึ่งวางอยู่ตรงกลาง

เราก็เอานิ้วกดอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นมีไรเกิดขึ้น กำลังจะบอกเลิกอยู่พอดี แก้วที่ถูกมือกดอยู่ก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดๆ ไปข้างโน้นบ้าง ข้างนี้บ้าง ผมขนลุกซู่ไปหมด มันวิ่งได้ยังไง ลูกศิษย์กระซิบว่า “ลงมาแล้ว ให้ถามปัญหาได้” ผมก็ถามว่าใคร แก้วก็วิ่งไปที่ตัว พ วิ่งไปที่ตัว อ ไม้เอก สระเอ อ อ่าง และ ง งู (อ่านรวมกันว่า “พ่อเอง”)

ผมถามต่อไปว่า พ่อเองน่ะ พ่อจริงหรือเปล่า แน่จริงบอกชื่อมาสิ ชื่ออะไร แก้วก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดๆ เช่นเดิมไปยังอักษรตัวนั้นบ้าง ตัวนี้บ้างผสมออกมาแล้วเป็น “อุ่ม” ชื่อพ่อผมพอดี บ๊ะเจ้าผีนี่มันเก่งแฮะ สงสัยจะเป็นพ่อเราจริง ผมก็เลยถามโน่นถามนี่สนุกกันใหญ่ และผีก็ตอบได้ตรงความจริงอย่างมหัศจรรย์

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ จนกระทั่งบัดนี้ผมยังไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร

พอถามเรื่องต่างๆ จนพอแล้วผมก็หยุดพัก นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้ลืมถามว่าพ่อไปเกิดที่ไหน จึงทำพิธีอัญเชิญลงถ้วยแก้วอีกครั้ง คราวนี้ถ้วยแก้ววิ่งเร็วและแรงกว่าเดิม ผมสงสัยจึงถามว่า

“ใครนั่น”

“ชิต” ผีมันวิ่งไปยังตัวอักษรต่างๆ ผสมออกมาได้อย่างนี้

“ชิตไหน” เราถาม

“กูใหญ่” คราวนี้ออกมาอ่านได้อย่างนี้

“กูใหญ่อะไรวะ ฉันถามว่าชิตไหน”

“ชิตที่ยิ่งใหญ่ซิ ไอ้ห่า” ผีมันบอก

เท่านั้นแหละครับ ผมชักยัวะ แน่ใจว่าไอ้นี่ไม่ใช่พ่อเราแน่ จึงเอาเท้ายันเปรี้ยงเข้าให้ ถ้วยแก้วกระเด็นไปปะทะผนังห้องแตกละเอียด

ลูกศิษย์อธิบายให้ผมฟังภายหลังว่า การเชิญสิ่งที่คนไทยชอบเรียกว่า “วิญญาณ” ลงถ้วยแก้วนั้นสามารถทำได้และเป็นความจริงด้วย (ดังกรณีพ่อผมลงมาตอนแรก) แต่ถ้าทำบ่อยเกินไป ผีอื่นอาจเข้ามาแทรก หรือไม่มีผีไหนลงมาก็ได้

“ที่อาจารย์เชิญตอนหลังนี้ เข้าใจว่าเป็นผีอันธพาลที่ไหนไม่รู้มันเข้ามาแทรก” ลูกศิษย์สรุป

นี่คือประสบการณ์การเล่นกับผีครั้งแรกของผม การติดต่อกับผีผ่านถ้วยแก้ว คัมภีร์ศาสนาก็บอกว่าสามารถทำได้ แต่ไม่ค่อยได้ผลแน่นอน คืออาจจริงบ้าง เท็จบ้าง ดุจเดียวกับการเข้าทรง

แต่ผู้ที่ฝึกสมาธิจนได้ทิพย์จักษุ (ตาทิพย์) เท่านั้น จึงจะติดต่อกับภูตผีเทวดาได้แน่นอนกว่าวิธีอื่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image