| ผู้เขียน | ทรงพร ศรีสุวรรณ |
|---|
วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ครบรอบ 5 ปี ที่ คสช.ยึดอำนาจจากรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และเข้ามาบริหารจัดการประเทศ
ประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์คือ 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มีผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรมบ้าง สอบผ่านหรือไม่ผ่าน
แน่นอนว่า ความเห็นย่อมหลากหลาย ทั้งออกในแนววิชาการ และพวกใครพวกมัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบคำถามนักข่าวเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถึงผลงานที่ผ่านมาว่า ถ้าถามในฐานะหัวหน้า คสช.ว่าพอใจผลงานที่ผ่านมาหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า พอใจ เพราะทุกเรื่องที่ทำได้แก้ไขปัญหาที่หมักหมมยาวนานหลายเรื่อง เช่น เรื่องความสงบเรียบร้อย การแก้ปัญหาชาวนา ปัญหาการจำนำข้าว คดีทุจริตคอร์รัปชั่น ฯลฯ
คสช.ยังมีผลงานที่ทำมาอย่างดี เช่น การค้ามนุษย์ แก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย แก้ไขปัญหาการบินพลเรือน การฟื้นฟูป่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพล จัดระเบียบสังคม จัดระเบียบวินรถตู้และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พัฒนาแม่น้ำคูคลองให้สะอาด
การแก้ปัญหาปากท้องก็เกิดในรัฐบาลนี้ เช่น บัตรสวัสดิการคนจน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะพี่ใหญ่ของ คสช. ก็ย้ำว่า 5 ปีที่่ผ่านมาของ คสช.ทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องประชาชน รัฐบาลได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตรก็ยอมรับว่า มีปัญหาต่างๆ มากมายที่จะต้องแก้ไข ซึ่งแก้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง พร้อมยกตัวอย่างว่า ปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และควรจะต้องทำต่อคือ ความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ปัญหาของผู้มีรายได้น้อย
ขณะที่ฝ่ายนักการเมืองและนักวิชาการหลายคน เห็นตรงกันในหลายเรื่อง และวิจารณ์ถึงความล้มเหลวของการบริหารจัดการที่ผ่านมา
โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้ง ที่ คสช.ให้เหตุผลว่า เป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่จะต้องเข้ามาแก้ไขเพื่อให้สังคมเกิดความปรองดอง
แต่ในข้อเท็จจริง หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า ความขัดแย้งยังคงอยู่ ที่เงียบสงบเพราะมีการใช้อำนาจทางกฎหมายที่เข้มข้น ทั้งการจำกัดสิทธิเสรีภาพ การแสดงความคิดเห็น และมีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และคำสั่ง คสช.
นอกจาก คสช.ทำให้สังคมเกิดความปรองดองไม่ได้แล้ว คสช.ยังทำความขัดแย้งขยายเพิ่มขึ้นอีก
เพราะแทนที่ คสช.จะเข้ามาเป็นตัวกลาง แต่กลับมาเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง
จากการเมืองที่แบ่งเป็น 2 ขั้ว ก็ทำให้เกิดขั้วที่ 3
การปฏิรูปการเมือง ก็ถูกวิจารณ์ว่า เหมือนไม่มีการปฏิรูป เพราะการเมืองยังย่ำอยู่กับวังวนเดิม หรือปฏิรูปเพื่อใครหรือกลุ่มใดกันแน่
มองกันว่า การเมืองที่ภายใต้กฎกติกาใหม่ จะเดินหน้าไปอย่างไร้เสถียรภาพ รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นไม่มีวันทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ และจะทำให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ในไม่ช้า
ด้านเศรษฐกิจก็ถูกวิจารณ์ว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพที่รายได้ไม่พอใช้จ่าย และยังทำให้ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนยากจนและคนร่ำรวยที่ถ่างกว้างมากขึ้น คือรวยกระจุก จนกระจาย
คสช.ยังถูกกล่าวหาว่า เล่นพวก และเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มตนเอง ทำให้ปฏิรูปด้านต่างๆ ไม่สำเร็จ
ทั้งยังเหน็บแนมว่า แม้จะใช้เวลา 5 ปี ในการแผ้วถางและสร้างกฎกติกาใหม่ เพื่อปูทางให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ก็ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
ยังมีการต่อรองอำนาจและผลประโยชน์ ที่ดูเหมือนว่า จะหนักกว่าเดิม
คะแนนรวม 5 ปีที่ผ่านมา คสช.จึงสอบตก
ทรงพร ศรีสุวรรณ
