สถานีคิดเลขที่12 : ดีลอาวุธผูกมิตร โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้นจะแนบแน่นแค่ไหน เรื่องซื้อขายอาวุธยังคงสำคัญเสมอ ถึงแม้ว่าทางการทูตไม่อยากพูดให้ประเจิดประเจ้อ

แต่สำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำที่ชอบพูดโพล่ง เรื่องขายอาวุธได้นี่ก็พูดอย่างภาคภูมิใจ

นายทรัมป์มาเยือนเอเชีย-แปซิฟิกเที่ยวนี้ เลือกแต่มหามิตรระดับหัวกะทิอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย พลาดไม่ได้เที่ยวนี้คือ อินเดีย มหาอำนาจที่ใครๆ จับตาว่าคานอำนาจกับจีนได้

เดือน ต.ค.ปีก่อน อินเดียเปิดบ้านต้อนรับ วลาดิเมียร์ ปูติน พร้อมลงนามข้อตกลงซื้ออาวุธรัสเซีย มูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 1.6 แสนล้านบาท ซื้อชนิดไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรือหวาดหวั่นสหรัฐแต่อย่างใด

Advertisement

เพราะอินเดียเองก็ซื้ออาวุธสหรัฐไม่ใช่น้อยๆ ในฐานะผู้ขายอาวุธอันดับ 2 ให้อินเดีย รองจากจีน

มาถึงนาทีนี้เมื่อสหรัฐเปิดสงครามการค้ากับจีนอย่างเป็นทางการ ถ้าสหรัฐไม่ผูกมิตรให้อินเดียช่วยคานอำนาจกับจีนด้านความมั่นคง จะให้ไปพึ่งใคร

การเดินทางมาเยือนอินเดียครั้งนี้ยังมาถูกจังหวะ เพราะนายทรัมป์จะได้แสดงความยินดีกับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ในฐานะชาติยักษ์ใหญ่ที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน

Advertisement

แต่เป็นประชาธิปไตยแล้วต้องมีดีลซื้อขายอาวุธด้วยหรือไม่ เดี๋ยวต้องดูกัน

ทริปเยือนญี่ปุ่น นายทรัมป์ดีใจยกใหญ่ที่ญี่ปุ่นตั้งแผนซื้อเครื่องบินสเตลธ์ เอฟ-35บี ของสหรัฐ จำนวน 105 ลำ ว่าจะทำให้ญี่ปุ่นมีฝูงบินเอฟ 35 บี ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศพันธมิตรของสหรัฐ

ด้านเกาหลีใต้ สหรัฐอนุมัติให้จำหน่ายอาวุธที่รวมถึงขีปนาวุธต่อต้านการโจมตีทางอากาศ มูลค่า 314 ล้านดอลลาร์ หรือ 9,700 ล้านบาทให้แล้ว ทริปล่าสุดนี้จะขายอะไรอีกต้องติดตามต่อ

สำหรับไทย แม้จะไม่มีชื่ออยู่ในทริปที่นายทรัมป์จะมาเยือน แต่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อุปทูตสหรัฐเผยว่า สหรัฐพร้อมจะเพิ่มขายอาวุธให้แก่ไทยได้ เพราะว่าไทยจะมีรัฐบาลชุดใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้งแล้ว

ขนาดว่าเป็นช่วงรัฐประหาร รัฐบาลสหรัฐยังขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ไทยมูลค่าถึง 437 ล้านดอลลาร์ หรือราว 13,600 ล้านบาท เพียงแต่คงจะบาดตาบาดใจไม่น้อยที่ไทยหันไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากจีน รวมถึงเรือดำน้ำมูลค่า 13,500 ล้านบาท

ดังนั้น ไม่ใช่แค่นายทรัมป์ที่เปิดทำเนียบต้อนรับผู้นำ คสช. เดือน ต.ค.2560 นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็เคยแชะภาพกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หน้าทำเนียบเลขที่ 10 ถนนดาวนิง เมื่อเดือน มิ.ย.ปีก่อน

หลังองค์กรรณรงค์ต่อต้านการค้าอาวุธ Campaign Against Arms Trade (CAAT) สำนักงานในกรุงลอนดอน เปิดตัวเลขว่า ช่วงรัฐประหาร 2557-2560 อังกฤษขายอาวุธขนาดเล็ก และยุทธภัณฑ์ให้ไทย เพิ่มจากมูลค่าหลักร้อยล้านเป็นหลักพันล้าน แม้รัฐบาลไทยจะปฏิเสธว่าไม่จริง แต่ก็ไม่มีเสียงโต้ใดๆ จากรัฐบาลอังกฤษ

วันที่ 7 มิ.ย.นี้ นางเมย์กำลังจะพ้นจากตำแหน่งแล้วด้วยพิษเบร็กซิท ส่วนบิ๊กตู่มีแววจะได้ไปต่อ และอาจกลับไปเยือนบ้านเลขที่ 10 และทำเนียบขาวอีกก็ได้

ขอมองในแง่ร้ายๆ ว่าถึงประชาธิปไตยจะถูกบิดให้เบี้ยวๆ ด้วยกลไกพิลึกมากมาย นั่นก็อาจไม่เป็นปัญหาอะไรนักหรอก ขอให้ซื้ออาวุธเยอะๆ ก็แล้วกัน

ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image