ทั้งๆ ที่ไม่เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ตัดสินใจสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
หากพรรคภูมิใจไทยก็เดินไปเช่นนี้เหมือนกัน
เหตุใด “ปฏิกิริยา” ในทางสังคมจึงหงุดหงิดและผิดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าพรรคภูมิใจไทย
คำตอบเพราะว่าคาดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์ไว้สูง
แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ให้เหตุผลว่า การเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐด้วยการยกมือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
1 เป็นการทำตามเสียงประชาชน
ยิ่งกว่านั้น 1 ยังมีบทสรุปว่า นี่คือการหาทางออกให้กับประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศพ้นจากวังวนแห่งปัญหาและความขัดแย้ง
ยิ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลายเป็น “เป้า” ในการเฝ้ามอง
หากถือว่าคำประกาศของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในห้วงก่อนวันที่ 24 มีนาคม เป็นสัญญาประชาคม คำประกาศของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในวันที่ 4 มิถุนายน ก็เป็นเช่นเดียวกัน
ทั้งยังเป็น “สัญญาประชาคม” อันนำไปสู่การเปรียบเทียบ
เปรียบเทียบว่า แนวทางนโยบาย “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” ของพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับความสนใจมากน้อยเพียงใด
นั่นหมายถึงว่ายังรักษากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เอาไว้ได้หรือไม่
นั่นหมายถึงว่ายังรักษากระทรวงพาณิชย์เพื่อทำให้กระบวนการประสานระหว่างต้นน้ำกับปลายน้ำได้ประสบความสำเร็จ
นั่นหมายถึงว่าวิถีการแก้ไข “รัฐธรรมนูญ” จะมีขึ้นเมื่อใด
นั่นหมายถึงว่า ความพยายามผลักดัน “ประชาธิปไตยสุจริต” เพื่อเข้าไปแทนที่ “ประชาธิปไตยวิปริต” จะสามารถเป็นจริง หรือเสมอเป็นเพียงน้ำยาบ้วนปาก
เพียงเพื่อให้ได้ร่วมรัฐบาล เพียงเพื่อให้ได้ตำแหน่งทางการเมือง
เป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะผลักรุน “ประชาธิปไตยสุจริต” ให้เข้าไปแทนที่ “ประชาธิปไตยวิปริต” อย่างที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เคยประกาศ
เท่ากับเป็นการ “ปิดสวิตช์ คสช.” ในทางเป็นจริง
ต้องยอมรับว่าการโอนอ่อนผ่อนปรนของพรรคพลังประชารัฐสำแดงความใจกว้าง ทั้งที่ความหมายของ “ประชาธิปไตยวิปริต” หมายถึงใคร
คำถามอยู่ที่ว่าระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ ใครนำ ใครตาม
คำถามอยู่ที่ว่าระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ใครเป็นผู้บังคับบัญชา ใครเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
ถึงเป็น “รองนายกรัฐมนตรี” ก็อยู่ในฐานะรองจาก “นายกรัฐมนตรี”
บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถอยู่เหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐ อยู่เหนือกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ เพียงใด
เป็นบทบาทที่ “ท้าทาย” อย่างสูงในทางการเมือง
นับจากการลงมติขานรับการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นหมายถึงบาทก้าวที่ 1 แห่งบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์
ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยอมพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
ถามว่าข้อเรียกร้องและข้อเสนออันอยู่บนพื้นฐานแห่ง “ประชาธิปไตยสุจริต” ของพรรคประชาธิปัตย์จะสำแดงพลานุภาพทางการเมืองเพียงใด
ในที่สุด “ประชาธิปไตยวิปริต” จะหายไปหรือไม่