สถานีคิดเลขที่ 12 : กรรม(เวร)-กำ(ปั้น)

อย่างที่รู้ๆ กัน

มีความพยายาม สะกัดกั้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ อย่างต่อเนื่อง

แม้แต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า ยังส่งตัวแทนฝ่ายกฎหมายเข้าไปแจ้งความเอาผิดหลายคดี

ถือเป็นคู่กรณี ดังที่เป็นกับ ทักษิณ ผีทักษิณ ระบอบทักษิณ ก่อนหน้า

Advertisement

แต่อย่างที่เห็น จนบัดนี้ ยังเอาชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ได้

ยืดเยื้อ คาราคาซัง ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

ยังมีคนอย่างนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ เพิ่มเข้ามาอีก

Advertisement

และมีแนวโน้มจะขยายใหญ่ ไม่ต่าง “ทักษิณ” หรืออาจจะล้ำหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ

แน่นอน ย่อมเป็นเรื่องยุ่งยาก ในการ “ขจัด”

หมายมั่นจะดีไซน์รัฐธรรมนูญและกลไกต่างๆ เพื่อสลายทักษิณ

แต่รัฐธรรมนูญดังกล่าว กลับไปเปิดช่องให้พรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร เติบโตขึ้นมา “ท้าทาย” เสียอีก

คราวนี้นี่มิใช่เพียงทุนนิยมสามานย์เท่านั้น

หากแต่เป็นสิ่งใหม่ ทั้งในแง่อุดมการณ์ แนวคิด วิธีการ ทุน และเทคโนโลยี

โดยเฉพาะเทคโนโลยีนั้นทำให้ภูมิทัศน์ใหม่ทางการเมือง เปลี่ยนแปลงใหม่ไปแบบพลิกโฉม

สร้างความสั่นสะเทือนอย่างสูง ให้กับการเมืองเก่าที่ยึดมั่นแนวคิดอนุรักษ์ และอำนาจนิยมเข้มข้น

ในวันนี้ แม้สื่อมวลชนจะพาดหัวในทำนองว่า “ประยุทธ์ ยิ้มแป้น” ที่สามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 ได้สำเร็จ

แต่เอาเข้าจริง เบื้องหลังการ “ยิ้มแป้น” ดังกล่าว

มีความพยายาม “แสยะยิ้ม” แฝงอยู่ด้วยหรือไม่ ไม่ทราบ

แต่สิ่งที่คณะรัฐประหารทุ่มเทไป เพื่อจะปรับโฉมตนเองไปสู่การเป็นประชาธิปไตยนั้นมากมายขนาดไหน ทุกคนย่อมทราบดี

ทั้งทุน ทั้งการออกแบบกฎหมาย ทั้งการใช้กลไกต่างๆ ที่มี ทั้ง… ฯลฯ

น่าจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้อย่างราบคาบ และง่ายดาย

แต่อย่างที่เห็น กว่าจะได้นายกฯ ก็แสนเหน็ดเหนื่อย

กว่าจะได้รัฐบาล ก็เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

แถมยังมาหน้าดำคร่ำเครียด แบ่งสรรเก้าอี้กันอีก

ซึ่งหากไม่ลงตัว หรือเป็นไปโดยไม่สมัครใจ

เผลอๆ จะมีการเอาคืน ต้องหวาดระแวงกันทั้งในสภาและใน ครม.

เวลาที่จะเอาไปกำจัดศัตรูทางการเมือง ไม่ว่าทักษิณ หรือที่เพิ่มเข้ามาเหนือความคาดหมายอย่างธนาธร ก็แทบไม่เหลือ

ทักษิณ จึงคงกระพันมากว่า 10 ปี

ส่วนธนาธร แม้จะกำเนิดขึ้นมาแค่ปีเดียว แต่กลับสามารถ “เขย่า” ฝ่ายมีอำนาจเดิมได้อย่างถึงแก่น ถึงราก

ฝ่ายมีอำนาจแม้จะสร้าง “เงื่อนไข” จนทำให้นายธนาธร ไม่สามารถเข้าสภาได้

แต่เอาเข้าจริง ในสภากลับมี “โคลน” นายธนาธรเข้าไปเพ่นพ่านเขย่า พล.อ.ประยุทธ์ และบัลลังก์อำนาจเก่า อย่างที่เห็น

ขณะเดียวกัน เวทีนอกสภา เทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ ทำให้นายธนาธรสามารถแสดงวิสัยทัศน์ การเป็นแคนดิเดตนายกฯได้อย่างไร้ข้อจำกัด

กลายเป็นอีกสมรภูมิหนึ่ง ที่ทำให้ฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบันต้องเหลียวไปมองอย่างหวาดระแวง

เพราะคงไม่สนุกนักหากมีเวทีสภาบนถนน คู่ขนานไปกับสภาที่ไร้เสถียรภาพ

ในนาทีนี้ นายธนาธรจึงถือเป็นดัง “คู่เวรคู่กรรม” ทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปเรียบร้อยแล้ว

และอาจกดดันให้ผู้คุ้นเคยกับ “อำนาจนิยม” ต้องแสวงหาแนวทางใหม่มาทดแทนอำนาจเหล็กอย่างมาตรา 44 ที่ต้องยกเลิกไป

ซึ่งก็มีทางเลือกไม่มากนัก

นั่นคืออาจเปลี่ยนคู่กรรม ให้กลายเป็น คู่ “กำ” –ที่ควงกำปั้นเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม

เพื่อหวังอย่างที่เราเห็น นักกิจกรรมการเมืองเริ่มเจอกำปั้นถี่ขึ้นในพักหลังนี้

และหวังว่า คงไม่ลามเข้าไปในสภา จนเป็นอีกสมรภูมิเดือดอีกสมรภูมิหนึ่ง

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image