มีรอย “ร้าว” เกิดขึ้นภายหลังการเปล่งเสียงชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏอย่างเด่นชัดในเรื่อง “โควต้า” รัฐมนตรี
เหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ความไม่ธรรมดาอยู่ตรงที่การเขย่าเก้าอี้ “รัฐมนตรี” เกิดขึ้นภายหลังการลงมติเมื่อตอนค่ำของวันที่ 5 มิถุนายน
อันเป็นที่มาของฉายา “รัฐบาล 500”
รอย “ร้าว” นี้เบื้องต้นปรากฏในลักษณะ “รายงานข่าว” ว่าทางพรรคพลังประชารัฐต้องการเปิด DEAL ใหม่ในทางการเมือง
ขณะที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า “จบแล้ว”
ความน่าสนใจอยู่ที่ทางด้านพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่า นายอุตตม สาวนายน ไม่ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยืนยันว่ายังไม่จบ ยังต้องหารือกันต่อไป
นี่คือลักษณะ “อ-ปรกติ” ในทางการเมือง
อย่าได้แปลกใจหากจะปรากฏความหงุดหงิดจากพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ว่าจะเป็น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน
เพราะเท่ากับ “ตกลง” กันแล้วมาเริ่มต้นใหม่
ยิ่งทางพรรคพลังประชารัฐอ้างว่าทุกอย่างจะจบลงที่การทุบโต๊ะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะของนายกรัฐมนตรี
นี่ย่อมเท่ากับเป็นการมัดมือชก
นี่ย่อมเท่ากับการเจรจาระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ก่อนวันที่ 5 มิถุนายน ไม่มีความหมาย
ทั้งๆ ที่เป็นการเจรจากับ นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ทั้งๆ ที่ นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค ทั้งๆ ที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค
ความรู้สึกนี้เจ็บปวดอย่างล้ำลึก
นํ้าเสียงไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมาจากพรรคภูมิใจไทย ตรงกันว่า หลังจากนี้จะไม่พูดอะไรกับตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐอีกแล้ว
แต่จะคุยเฉพาะกับ “นายกรัฐมนตรี” เท่านั้น
บทสรุปเช่นนี้เท่ากับมีความเห็นร่วมว่า ปัญหามาจากพรรคพลังประชารัฐ ที่สำคัญก็คือ ความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรค
เพราะพรรคประกอบด้วยหลายกลุ่ม หลายสาย
ถึงไม่ต้องการจะเป็นหัวหน้าพรรค แต่เมื่อมาถึงสถานการณ์เช่นนี้ย่อมเท่ากับบีบรัดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องกลายเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปโดยอัตโนมัติ
ปัญหามิได้อยู่ที่ว่าการนำพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว
หากที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องเข้าไปมีบทบาทบริหารจัดการกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยอีกด้วย
นี่คือมิติใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังวันที่ 5 มิถุนายน
เมื่อใดที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เมื่อใดที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี
เมื่อใดที่ ครม.เข้ากล่าวสัตย์ปฏิญาณ
ความหมายโดยตรงก็คือ อำนาจของ คสช.ได้สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ อำนาจของมาตรา 44 ได้สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ
นี่คือมิติใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแท้จริง