ไหนล่ะ ปฏิรูปการเมืองใหม่ : โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์

ตั้งแต่ก่อนถึงหลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 นักปฏิรูปก่อนเลือกตั้งย้ำแล้วย้ำอีกว่า การเมืองไทยต้องปฏิรูป ต้องเปลี่ยนไป เวลาผ่านไป 5 ปี จนกระทั่งเกิดการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นวันนี้ เป็นอย่างไร

กรณีมวยรุ่นเล็ก เสยปลายคางรุ่นใหญ่โดยไม่หวั่นเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม จะทำให้การเจรจาต่อรองผลประโยชน์เพื่อจัดเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่สะดุดหยุดลงหรือไม่ เป็นตัวอย่างยืนยันชัดเจนที่สุด ว่าการเมืองไทยไม่ได้เปลี่ยนไป กลับสู่ภาวะน้ำเน่าอีกเช่นเดิม

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่าน
เฟซบุ๊ก ตอบโต้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่พอใจการขอแลกคืนกระทรวงของพรรคแกนนำ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่กี่วัน

จัดหนัก จัดเต็ม 5 ข้อ

Advertisement

1.กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่มีไว้ให้เข้าไปหางานเพื่อบริษัท ถูกต้องนะครับ

2.กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน และที่สำคัญต้องไม่ใช่เก็บไว้ให้บริษัทเข้าไปหางาน ถูกต้องนะครับ

3.กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน แลกเปลี่ยนได้ ถ้าจะเอาไปเพื่อประโยชน์บริษัทใด ถูกต้องนะครับ

Advertisement

4.ไม่ยอมแลก เก็บไว้ ทำงานให้ประชาชน หรือหางานให้บริษัท คนเขาสงสัย กระทรวงนี้ของข้าใครอย่าแตะ

5.ไม่มีใคร แลกอะไรกันไปมา มีแต่หาความเหมาะสม ไม่ให้คนเขานินทาว่าเลือกกระทรวงให้บริษัท ถูกต้องนะครับ

มวยข้ามรุ่น นัดนี้จะมีใครหนุนหลัง ให้ท้ายอยู่หรือไม่ ใครเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายถูก ก็แล้วแต่ เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงที่ขอแลกคืนกันไปมาเป็นกระทรวงอะไรบ้าง เป็นของพรรคไหน มีเฉพาะแต่แกนนำของพรรคที่รู้อยู่แก่ใจ ว่าอีกฝ่ายมีวาระซ่อนเร้นอะไรอยู่เบื้องหลัง ถึงไม่ยอมคืน ไม่ยอมคาย ไม่ยอมแลก ไม่ว่าฝ่ายเสนอ หรือฝ่ายสนองก็ตาม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งบ่งชี้ชัดว่า ในที่สุดประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็กลายเป็นเบี้ยนอกกระดาน เมื่อเวลาเพียง 4 นาทีที่การหย่อนบัตรลงหีบเลือกตั้งผ่านพ้นไป อำนาจต่อรองเปลี่ยนมือไปทันที

จากขุนกลายเป็นเบี้ย แถมถูกหยิบออกไปวางนอกกระดานเสียอีก ไม่มีโอกาสรับรู้แม้แต่น้อยเลยว่า บรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ แกนนำพรรคทั้งหลาย เจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ยื่นหมู ยื่นแมว สลับตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันอย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร

ระหว่างผลประโยชน์ตัวเอง ผลประโยชน์พรรค ผลประโยชน์ส่วนรวม อะไรคือปัจจัยชี้ขาดกันแน่ ส่วนนโยบายกลายเป็นเพียงวาทกรรมข้ออ้างบังหน้า แค่นั้นเอง

เพราะไม่มีการแถลงชี้แจงอย่างเป็นระบบ เป็นเรื่องเป็นราว กลายเป็นเรื่องของความลับเฉพาะเพื่อผลการต่อรอง จะได้หักล้างอีกฝ่ายหนึ่งจนคว้าเก้าอี้มาครอบครองได้สำเร็จ

ทั้งๆ ที่ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสมบัติสาธารณะไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของใคร หรือพรรคการเมืองใด ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ชาวบ้าน ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งถูกผลักให้เป็นคนนอกอีกตามเคย

ไม่เพียงแค่การตอบโต้ ซัดกันไปซัดกันมา การเมืองหน้าฉากระหว่างนักการเมืองด้วยกันเองเท่านั้นที่ชาวบ้านได้รับรู้จากการรายงานข่าวของสื่อมวลชน แต่ข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังการเจรจาคืออะไร การเมืองหลังฉากต่างหากที่ประชาชนผู้ลงคะแนนเสียง ในฐานะผูัถือหุ้นส่วนใหญ่ควรมีสิทธิรับรู้

พรรคแกนนำเสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคได้รับเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใดบ้าง ด้วยเหตุผลเชิงนโยบายอะไร ความถนัด ความรู้ ความสามารถของบุคลากรในพรรคนั้นเป็นอย่างไร เหมาะสมหรือไม่

ขณะเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาล พรรคไหนเรียกร้องต้องการเก้าอี้กระทรวงอะไร ด้วยเหตุผลอย่างไร

การเมืองยุคปฏิรูปจริงจึงต้องมีคำอธิบายอย่างมีเหตุมีผลต่อสาธารณะ ไม่ใช่แลกหมัดกันผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับอีกฝ่าย พอคนนอกได้รับรู้เข้าก็รีบลบข้อความทิ้ง สังคมกลายเป็นเพียงคนดูข้างสนาม

การเมืองต้องเปลี่ยนกระบวนการทั้งหมดมาเป็นการเมืองหน้าฉาก เปิดเผย โปร่งใส ชาวบ้านมีสิทธิ ร่วมคิด ร่วมให้ความเห็นเพราะเป็นประเด็นสาธารณะ การเมืองยุคปฏิรูป ควรจะเป็นไปในแนวทางนี้มิใช่หรือ

ไม่ใช่เรื่องของบางคน บางกลุ่ม หรือคนคนเดียว แม้มีอำนาจหน้าที่ต้องทำให้ผลออกมาดีที่สุดก็ตาม แต่หาใช่สิทธิส่วนตัวที่จะทำอะไรก็ได้ โดยสังคมเป็นเพียงผู้รับผล ไม่สิทธิรับรู้ ส่งเสียงเรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้เลยทำให้สิ่งที่แต่ละพรรคป่าวประกาศไว้ในเวทีหาเสียงเลือกตั้งไม่ได้ถูกนำมาบอกกล่าวเท่าที่ควรเลย ไม่ว่าวงเจรจาต่อรองลับจะเกิดขึ้นที่ไหน ในหรือนอกทำเนียบรัฐบาลก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image