กัญชงไม่ใช่กัญชา สกัดเป็นยาหรืออาหารได้

กัญชงเป็นสินค้ายอดนิยมในตลาดโลก เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำแร่ นม เบียร์ ไวน์แดง สุรา ขนมขบเคี้ยว ลูกกวาด ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงผิวพรรณ เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ในแคนาดา อเมริกา และยุโรป แม้กระทั่งในประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเข้มงวดกับการใช้บังคับกฎหมายเป็นที่สุด

กัญชงเป็นศัพท์ใหม่ บางครั้งใช้เรียกทับศัพท์ว่าเฮมป์ ทั้งสองชื่อคนไทยไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าก็คือต้นป่านนั่นเอง ที่คนไทยตั้งแต่สมัยไหนมาแล้ว ใช้ลำต้นซึ่งมีกากใยความหนาแน่นสูง นำมาทำกระสอบป่านใส่ข้าวสาร กระสอบละ 100 กิโลกรัม ที่พวกเราคุ้นตากันดีตามร้านจำหน่ายข้าวสารจนถึงปัจจุบัน หรือเชือกป่านเป็นเกลียวขดกันไปมาหนาๆ หรือด้ายป่าน ที่นำมาเป็นเชือกผูกว่าว ติดลมบน สมัยเด็กๆ เหนียวแน่นดี ขาดยาก เป็นต้น ใบและดอกของกัญชงนำมาสกัดเป็นสารอาหารให้มนุษย์รับประทานเพิ่มความอร่อยและเสริมสุขภาพได้ ไม่มีผลทางจิตใจ

จะนำมาสกัดเป็นยาก็ได้ แต่ต้องใช้ปริมาณใบกัญชงที่มากเป็นพิเศษ เพราะกัญชงมีสารทีเอชซีที่มีผลต่อจิตใจอยู่น้อยมากเพียงร้อยละ 0.3 เทียบกับกัญชาที่มีมากถึงร้อยละ 35 กัญชงไม่ใช่กัญชา แต่ในทางวิทยาศาสตร์ กัญชงกับกัญชาถือเป็นพืชตระกูลเดียวกัน

เมื่อพูดถึงพระราชบัญญัติกัญชา ซึ่งเพิ่งมีผลบังคับไป คนมักจะนึกถึงกัญชาอย่างเดียว มีน้อยคนที่จะทราบว่า พ.ร.บ.กัญชา ครอบคลุมไปถึงกัญชง และกระท่อมด้วย
กระท่อมนี่เมื่อกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว ผู้ใช้แรงงานมักจะนำมาเคี้ยวเพื่อให้มีแรงทำงานขยันขันแข็ง แต่เมื่อกลายเป็นพืชผิดกฎหมาย ชื่อของกระท่อมก็ค่อยเลือนหายไปจากความทรงจำของคนไทย เพิ่งมารื้อฟื้น ตอนที่ พ.ร.บ.กัญชากำหนดให้เป็นพืชถูกกฎหมาย หากได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยาให้ทำการปลูกได้โดยถูกต้อง เพื่อผลประโยชน์ทางการแพทย์

Advertisement

ตาม พ.ร.บ.กัญชา พืชสามชนิดนี้มีผลทางกฎหมายเหมือนกัน ผู้ปลูก ผู้ขาย และผู้ใช้ ต้องมีใบอนุญาต 1 ใน 5 ชนิดที่เกี่ยวข้อง คือ ผลิต (รวมทั้งปลูกและสกัด) ขาย ส่งออก นำเข้า หรือครอบครอง มิฉะนั้นก็ยังมีความผิดและมีโทษตามกฎหมายเหมือนเดิม

เมื่อพูดถึงการค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์ ตาม พ.ร.บ.กัญชา ถนนทุกสายก็จะมุ่งไปที่กัญชา นำมาสกัดเป็นยาน้ำ หยอดใต้ลิ้น แก้ได้หลายโรค เช่น โรคลมชักในเด็ก แก้ความเจ็บปวดจากโรคมะเร็ง และแก้โรค
อัลไซเมอร์ หน่วยงานของรัฐบางแห่งก็ได้เริ่มดำเนินการตามแผนงานไปแล้ว เริ่มปลูกกัญชาในห้องทดลองเพื่อให้ได้วัตถุดิบคุณภาพสูงที่ใช้ในทางการแพทย์จนถึงขั้นจะนำมากลั่นเป็นสารสกัดนำมาทดลองกับผู้ป่วยอาสาสมัครได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ หน่วยงานรัฐอื่นๆ ก็ได้เริ่มโครงการปลูกกัญชากับกลุ่มเกษตรกรไปบ้างแล้ว และพร้อมนำกัญชาตากแห้งมาขายให้กับบริษัทผลิตยาในประเทศ
หรือส่งออกไปต่างประเทศได้ในทันที ที่ได้รับใบอนุญาตจาก อย.

แต่ที่ดูเหมือนทุกคนจะมองข้ามไปคือ การค้นคว้าวิจัยเรื่องกัญชง ที่จะนำสารสกัดมาเป็นวัตถุดิบผสมกับอาหารและเครื่องดื่มในทำนองเดียวกับต่างประเทศ กัญชงนั้นจะนำมาผลิตยาคงไม่ไหว เพราะมีตัวยาต่ำมาก นำมาทำเป็นอาหารน่าจะสอดคล้องกับความเป็นจริงมากกว่า และถ้าออกแบบระบบควบคุมการผลิตและจำหน่ายให้ดีๆ โอกาสที่จะทำยอดขายได้มากกว่ากัญชาก็มีอยู่มาก เพราะผลิตภัณฑ์กัญชงนำออกขายได้ในเครือข่ายร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคได้ทั่วไป เหมือนอาหารและเครื่องดื่มที่มีขายได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง โดยไม่ถูกจำกัดอยู่แต่ในแวดวงทางการแพทย์และผู้ป่วยเหมือนกัญชา

ก ระเบียบใหม่ๆ ที่ออกมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ภายใต้ พ.ร.บ.กัญชา และที่จะออกชุดใหม่ประมาณเดือนพฤษภาคม และมิถุนายนที่จะมาถึง ก็มุ่งในเรื่องกัญชาเป็นหลัก ภาครัฐยังไม่ให้ความสำคัญของกัญชงตอนนี้ ทั้งๆ ที่กัญชงก็มีโอกาสในเชิงพาณิชย์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัญชา อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าภาครัฐมีบุคลากรจำกัด ต้องค่อยเป็นค่อยไป กฎระเบียบเรื่องกัญชา ยังไม่ทันออกมาเรียบร้อยดี ถ้าหันมาให้ความสนใจกัญชงในตอนนี้ จะหาเจ้าหน้าที่ที่ไหนมาทำงาน

แพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ แพทย์แผนไทย หมอประจำหมู่บ้าน คลินิก คลินิกแพทย์แผนไทยเตรียมเฮได้เลย และเตรียมล็อกเวลาเข้าอบรมหลักสูตรกัญชาทางการแพทย์ที่จะออกมาในสองสามเดือนข้างหน้านี้ไว้ด้วย พร้อมกับหลักเกณฑ์การยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการกัญชาทางการแพทย์ที่จะออกมาพร้อมๆ กัน นี่คือโอกาสสร้างรายได้เสริมของบุคลากรทางการแพทย์ ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

ในท้ายที่สุด ไม่อีกกี่ปีข้างหน้า เมืองไทยคงได้เห็นชาเขียวผสมกัญชง นมสดและโยเกิร์ตผสมกัญชง น้ำแร่ผสมกัญชง น้ำผลไม้ผสมกัญชง เบียร์ผสมกัญชง สุราผสมกัญชง ขนมขบเคี้ยวผสมกัญชง กัญชงอบกรอบ วางขายอยู่ตามร้านสะดวกตลอดทั้งคืนทั้งวันเหมือนต่างประเทศ แต่ตอนนี้ให้กัญชาทางการแพทย์นำหน้าไปก่อน เมื่อถึงเวลา ภาครัฐคงจะหันมามองศักยภาพของกัญชง เพราะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ท่านก็เล็งเห็นการณ์ไกล รวมกัญชงไว้ใน พ.ร.บ.กัญชาด้วยแล้ว เป็นโครงสร้างทางกฎหมายไว้รอรับกัญชง รอแต่กฎระเบียบกฎหมายลูกที่จะออกมาเพื่อผลักดันกัญชง เข้าสู่ตลาดทางการค้าเชิงพาณิชย์เท่านั้นเอง

เนื่องจากภาครัฐมีบุคลากร ที่มีคุณภาพอยู่เป็นจำนวนมาก ใครรับราชการจะถือเป็นอาชีพมีเกียรติ มั่นคง แม้เงินเดือนไม่สูง ถ้าบริหารดีๆ ก็อยู่ได้ ยิ่งอายุมาก ตำแหน่งยิ่งสูงขึ้น ยิ่งดี ไม่ต้องกลัวตกงาน มีเงินเดือนหลังเกษียณกินเดือนละหลายหมื่นบาทไปตลอดชีวิต ยามแก่เฒ่าเจ็บป่วยก็มีหมอรักษาไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ภาครัฐของไทยจึงดูเหมือนว่าจะล้ำหน้าภาคเอกชนไปก้าวหนึ่งเสมอ ในเรื่องการพัฒนาประเทศ

จึงไม่แปลกที่เวลาหน่วยราชการเปิดรับสมัครงานปริญญาตรีจบใหม่ 200 ตำแหน่ง จะมีผู้สมัครถึง 5,000 คน คิดเป็นผู้ที่สอบผ่านร้อยละ 4 เข้ายากกว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของอเมริกาที่อัตราผู้สอบผ่านเข้ามหาวิทยาลัยได้อยู่ที่ร้อยละ 7 จากผู้สมัครสอบทั้งหมด

เมื่อมีเป้าหมายชัดเจน โดยเฉพาะเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนโดยทั่วไปในวงกว้าง ภาครัฐของไทยจะทำงานไว เกินความคาดหมายของคนทั่วไป ตัวอย่างเช่น การประกาศใช้ พ.ร.บ.กัญชาเป็นกฎหมายใหม่ที่เร็วเกินคาด

ที่เห็นชัดมากอีกกรณีหนึ่งก็คือ แผนงานการนำผลิตภัณฑ์กัญชาออกสู่ตลาดในเมืองไทยและตลาดโลก ใครจะไปคิดว่าภายในหนึ่งเดือนหลังจากกฎหมายใหม่บังคับใช้ หน่วยงานรัฐจะได้รับใบอนุญาต อย. ให้ผลิตกัญชาในทันทีและเริ่มปลูกกัญชาในเรือนกระจกห้องแล็บทดลอง จนสามารถจะเก็บเกี่ยวกัญชาคุณภาพสูงนำมาทดสอบกับคนไข้อาสาสมัครกลางปีนี้ได้

และมีโครงการสามารถผลิตน้ำมันกัญชาได้ถึง 10,000 ขวดต่อปี ในเดือนต่อๆ ไป เพียงพอต่อการจำหน่ายในประเทศ และหน่วยงานรัฐอื่นๆ ก็กำลังเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะส่งออกใบกัญชาแห้ง ไปต่างประเทศด้วยโดยตรง ถ้าได้ใบอนุญาตแล้ว นอกเหนือจากขายใบกัญชาแห้งให้บริษัทผลิตยาในประเทศ ผลิตภัณฑ์กัญชาของหน่วยงานรัฐพร้อมออกสู่ตลาด สนับสนุนโดยกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตหลายพันคนที่เฝ้ารอด้วยความหวัง

ดังนั้นหากภาครัฐ หันมาให้ความสนใจกับกัญชงเต็มที่ นอกเหนือไปจากกัญชา กัญชงก็จะกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญควบคู่กับกัญชา ผลิตภัณฑ์กัญชงที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคก็จะปรากฏอยู่ตามหิ้งของร้านสะดวกซื้อเร็วขึ้น เป็นการสร้างตลาดให้กัญชง

ภาคประชาชนมีความตื่นเต้นใจจดใจจ่อกับโอกาสที่จะมีรายได้เพิ่มจากกัญชา กัญชง และกระท่อมมาก ยิ่งได้ทราบข่าวว่าหน่วยงานของรัฐบางแห่งทั้งหลาย จะนำผลิตภัณฑ์กัญชาออกขายหารายได้เข้ารัฐ และทำให้กลุ่มเกษตรกรที่ทำโครงการร่วมกับหน่วยงานรัฐเหล่านั้น มีรายได้เพิ่ม ในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้านี้ ยิ่งทำให้ประชาชนเห็นภาพแห่งความฝันชัดเจนขึ้น ว่าเมื่อรัฐประกอบการเชิงพาณิชย์กับกัญชาได้ ในอีกไม่ช้า ประชาชนคงจะได้รับโอกาสเช่นนั้นบ้าง รออยู่ก็แต่กฎหมายลูกที่จะประกาศใช้ ภายใต้โครงสร้างของ พ.ร.บ.กัญชาที่เป็นกฎหมายหลัก

ประชาชนพอเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดภาครัฐจึงขอสงวนสิทธิในเบื้องต้น ที่จะดำเนินการในเชิงพาณิชย์กับกัญชา ตามลำพังไปก่อน โดยยังไม่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมได้ ตลาดจะค่อยๆ เปิดจากภาครัฐสู่เอกชน?

แต่การค้นคว้าวิจัยกัญชง ในเชิงพาณิชย์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่สลับซับซ้อนอะไรมากนัก ไม่เหมือนกับกัญชาที่มีสารสกัดเป็นตัวยาเข้มข้นกว่ามาก หากภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน มีส่วนร่วมในการค้นคว้าวิจัย ผลิต ขาย นำเข้า ส่งออก และครอบครองกัญชง ในเชิงพาณิชย์ได้เร็วขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ในทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนชาวไทยโดยรวมมากขึ้นเท่านั้น

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image