| ผู้เขียน | วรศักดิ์ ประยูรศุข |
|---|
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำ ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว เป็นอันว่ารัฐบาลใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว
ครม.ชุดเก่าหมดหน้าที่ไป มาตรา 44 สิ้นสภาพ
หลังจากรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ประเทศไทยอยู่ภายใต้ภาวะพิเศษมา 5 ปีเศษ แตกต่างจากรัฐประหาร 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้ ที่มักจะรีบคืนอำนาจ
อย่างรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ที่คืนอำนาจให้เลือกตั้งใน 1 ปี แล้วพรรคที่ใกล้ชิดคณะรัฐประหารแพ้เลือกตั้ง พรรคเครือข่ายอดีต นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นฝ่ายชนะ
เกิดความพยายามพลิกกระดานการเมือง และพลิกสำเร็จ แต่ค่าใช้จ่ายแพงมาก นั่นคือ ระบบต่างๆ เรรวนป่นปี้ไปหมด สามัคคีธรรมของคนในชาติเสียหายยับเยิน
จากความพ่ายแพ้ และไม่เป็นไปตามที่พิมพ์เขียวที่ไปร่างกันไว้ ฝ่ายอำนาจสรุปว่า “เสียของ” จึงต้องจัดระเบียบการเมืองใหม่ ด้วยรัฐประหารครั้งล่าสุด
5 ปีที่ผ่านมา ความตั้งใจคือ ดีไซน์กฎหมาย และกติกาต่างๆ เพื่อให้เกิดผลทางการเมืองที่พวกตนเองต้องการ เรียกรวมๆ ว่า “ปฏิรูปการเมือง”
คือทำให้พรรคในเครือข่ายกลุ่มอำนาจชนะเลือกตั้ง ส่วนพรรคฝ่ายตรงข้ามต้องพ่ายแพ้ไป
ผลการเลือกตั้งที่ออกมา ก็อย่างที่เห็น คือ หืดขึ้นคอกันไปหมด คนชนะก็ไม่ขาดลอย คนแพ้ก็เฉียดฉิว แถมกรรมการก็มีอาการแปลกๆ นับคะแนนกันยาวนานมาก
พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล 19 พรรค ที่มีเสียงปริ่มน้ำ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง
ขณะที่พรรคฝ่ายค้านเข้มแข็งมาก มีเพียง 7 พรรค แต่เสียงห่างจากรัฐบาลไม่กี่เสียง
สัปดาห์หน้า 25 ก.ค. จะเป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่ประกอบด้วย ส.ว.และ ส.ส.
พล.อ.ประยุทธ์จะได้ชิมลางการทำหน้าที่นายกฯในรัฐสภา ซึ่งมีสมาชิกส่วนมากมาจากเลือกตั้ง
การประชุม 25 ก.ค.จะไม่มีการลงมติที่มีผลต่อสถานะรัฐบาล ถือว่าไม่มีอะไรน่าห่วง นอกจากบรรยากาศการซักถามตรงไปตรงมา ตามประสาผู้แทนฯ ที่มาจากประชาชน
แต่หลังจากนั้น จะเป็นงานปกติ ได้แก่ การเสนอกฎหมาย กระทู้ถาม ญัตติ ในสภาผู้แทนฯ จะมีการอภิปราย มีการซักถาม โต้แย้ง มีการลงมติเป็นระยะๆ
เป็นระบบที่อยู่กันด้วยการพูดจา ถกเถียง โต้แย้ง ตกลงยอมรับกันด้วยเหตุด้วยผล และการหาความเห็นของเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งใช้กันอยู่ทั่วไปในโลก หรือในอารยประเทศ แต่ครั้งหนึ่งบ้านเราแปลงสารให้เป็น “เผด็จการเสียงข้างมาก”
เป็นระบบตรงกันข้ามกับการให้ฝ่ายตรงข้ามเงียบเสียง ถ้าไม่เงียบก็ไปเยี่ยมถึงบ้าน และมาตรการพิเศษอีกสารพัด
ภายหลังการทดลองทางการเมือง 5 ปีที่ผ่านมา ทุกฝ่ายคงสรุปได้แล้วว่า อะไรคือความสำเร็จและอะไรความผิดพลาด
และอะไรคือแนวทางที่ควรจะเดินกันต่อไป เพื่อจะไม่เลี้ยวกลับมาที่เดิมอีก
วรศักดิ์ ประยูรศุข
