คนฮ่องกง : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

คนฮ่องกงไม่เคยมีความรู้สึกว่าตนเป็นคนจีน ขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกว่าตนไม่ใช่คนอังกฤษ แต่ก็ยอมรับว่าตนเป็นชนชั้นล่างในฮ่องกง เพราะคนชั้นสูงในเกาะฮ่องกงคือคนอังกฤษที่มาเป็นข้าราชการ เป็นนายพลตำรวจ ส่วนพลตำรวจและนายสิบตำรวจเป็นคนฮ่องกงหรือคนปากีสถาน หรือคนกุรข่า ที่มารับจ้างเป็นตำรวจชั้นประทวน เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย
แม้คนฮ่องกงจะได้รับการศึกษาสูงสุดเพียงใดก็ไม่อาจจะเข้ารับราชการมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยราชการได้ จะเป็นได้ก็แต่เพียงระดับเสมียน ข้าราชการระดับสัญญาบัตรต้องเป็นชาวอังกฤษเท่านั้น

ผู้สำเร็จราชการเกาะฮ่องกงมีทำเนียบอยู่บนยอดเขาสูงที่ห้ามคนจีนตั้งบ้านเรือน งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลฮ่องกงมีอังกฤษเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าสำนักงาน ล้วนแต่เป็นเงินที่มาจากภาษีอากรและค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน จากประชาชนชาวฮ่องกงทั้งสิ้น ประมุขของฮ่องกงคือผู้สำเร็จราชการ ซึ่งแต่งตั้งมาจากสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษและต้องเป็นคนสัญชาติอังกฤษ อังกฤษยอมให้มีสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ออกกฎหมายได้เพียง 2 ปี ก่อนที่อังกฤษจะส่งมอบเกาะฮ่องกงให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน

วันที่อังกฤษลงนามกำหนดวันส่งมอบฮ่องกงให้กับจีนนั้น คนฮ่องกงตกใจ คนชั้นสูงที่ร่ำรวยมีการศึกษาสูง เป็นแพทย์ วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ ล้วนโดดหนีจากฮ่องกงและได้รับการต้อนรับจากชาติตะวันตกเป็นอย่างดี ต่างพากันอพยพออกจากฮ่องกงไปแคนาดา ออสเตรเลีย อังกฤษ พร้อมกับนำทรัพย์สินที่ได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ บ้านช่องห้องหอ ที่ดิน ออกไปด้วยเป็นจำนวนมากในปี 1997 ทำให้ราคาที่ดินอาคารบ้านเรือนตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย แม้ว่าทางรัฐบาลปักกิ่งจะให้การรับรองว่ารัฐบาลจีนจะยังให้ฮ่องกงอยู่ในสภาพเดิมต่อไปอีก 50 ปี และใช้คำว่าประเทศเดียวสองระบบ เพียงแต่ผู้สำเร็จราชการอังกฤษ ข้าราชการอังกฤษ ตำรวจอังกฤษ

ส่วนพลตำรวจและกองกำลังรับจ้างจากปากีสถานและกุรข่าต้องออกไป และทดแทนด้วยข้าราชการชาวฮ่องกง ผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษต้องเป็นจีน

Advertisement

เกาะฮ่องกงจริงๆ เป็นเกาะเล็กๆ มีฐานะเป็นอาณานิคมของอังกฤษเช่นเดียวกับสิงคโปร์ แต่มีพื้นที่บนแผ่นดินใหญ่ที่อังกฤษบังคับเช่าจากพระจักรพรรดิจีนเพราะจีนแพ้สงครามฝิ่น เช่นเดียวกับเขตเช่าที่กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน เซี่ยงไฮ้และเทียนสิน แต่เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนสามารถปลดปล่อยประเทศจีนได้แล้ว รัฐบาลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนขับไล่ชาติตะวันตกรวมทั้งญี่ปุ่นออกจากเขตเช่า แต่กลับปล่อยให้ฮ่องกงและมาเก๊ายังคงเป็นอาณานิคมและเขตเช่า มีกำหนด 99 ปีตามสนธิสัญญานานกิง ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่คู่สัญญาไม่มีความเท่าเทียมกันแบบเดียวกับเขตเช่าอื่นๆ เพื่อเป็นช่องทางให้เป็นประตูสินค้าขาออก และขาเข้าของจีน เมื่อจีนประกาศยึดประเทศหลังจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้รับการปลดปล่อย

ตลอดเวลาที่ฮ่องกงตกเป็นอาณานิคมและเขตเช่าของอังกฤษ ภาษาราชการก็เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอนในโรงเรียนทุกระดับ รวมทั้งระดับมหาวิทยาลัย แต่ยอมให้มีมหาวิทยาลัยที่ใช้ภาษาจีนอยู่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน คนฮ่องกงจึงพูดทั้ง 2 ภาษา คือ ภาษากวางตุ้งสำหรับคนรุ่นเก่า ไม่ใช่ภาษาจีนกลาง และภาษาอังกฤษสำหรับคนรุ่นใหม่เหมือนๆ กับสิงคโปร์

คนฮ่องกงจึงมีความรู้สึกว่าตนเป็นชนชั้นที่สูงกว่าคนจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ที่ตนเรียกอย่างดูถูกว่า “ไต่โหล” สำเนียงแต้จิ๋วคือ “ไต่เหล็ก” เพราะคนบนแผ่นดินใหญ่ยากจนกว่า การศึกษาต่ำกว่า ไม่มีวัฒนธรรม พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แม้ตนจะเป็นประชาชนชั้น 2 ในฮ่องกงแต่ก็ยังเป็นชนชั้นสูงกว่าคนจีนที่มาตุภูมิ แม้ตนจะพูดจีนกลางได้แต่ก็ไม่พูด นิยมพูดภาษากวางตุ้งและภาษาอังกฤษ

แต่เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเปลี่ยนนโยบายทางเศรษฐกิจและเปิดประเทศ จีนแผ่นดินใหญ่จึงเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเกือบทุกด้าน ไม่ใช่แค่ด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษาและอื่นๆ จนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แซงญี่ปุ่นและกำลังจะแซงหน้าอเมริกาด้วยซ้ำในอนาคต 20 ปีข้างหน้า

จีนลดความสำคัญของฮ่องกงลงโดยการประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นที่เซินเจิ้น หรือเซียมจุน ตามสำเนียงแต้จิ๋ว ซึ่งอยู่ติดกับฮ่องกงโดยมีระยะห่างกันเพียง 80 กิโลเมตร โดยให้เป็นเขตปลอดภาษีขาเข้าเช่นเดียวกับฮ่องกง รัฐบาลจีนทุ่มเทการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและต้อนรับทุนจากฮ่องกง ในไม่ช้าเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นก็เจริญก้าวหน้า ทันสมัยเช่นเดียวกับฮ่องกง เขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวมีหลายที่ เช่น ที่มณฑลไหหลำ กวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ และที่อื่นๆ

เมื่อเศรษฐกิจจีนเจริญก้าวหน้าขึ้นและแซงหน้าฮ่องกงไป คนฮ่องกงก็ยังดูถูกดูหมิ่น “ไต่โหล” หรือคนจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่อยู่ดี เหมือนกับคนไทยเชื้อสายจีนก็ยังดูถูกคนภาคอีสานและยังเรียกคนอีสานว่า “เหลาเกี้ย” แปลว่า “ลูกลาว” มาจนทุกวันนี้

เศรษฐีจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่หรือบริษัทจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ ก็เอาเงินมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเกาะฮ่องกงมากขึ้น อันเป็นเหตุให้ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์และฮ่องกงมีราคาแพงขึ้น 3-4 เท่าตัว แม้แต่อาคารของนายลี กาชิง มหาเศรษฐีฮ่องกง ก็ถูกเศรษฐีจีนซื้อไปแล้ว นายลี กาชิง หอบเงินจำนวนมากจากการขายอสังหาริมทรัพย์ของตนไปลงทุนในยุโรป เมื่อค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์บ้านช่องห้องหอถีบตัวสูงขึ้นเพราะจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่มาซื้อ คนฮ่องกงก็ประสบความลำบาก เพราะเศรษฐกิจฮ่องกงอ่อนแอลง เพราะเงินทุนย้ายไปอยู่ที่เซินเจิ้นและที่อื่นๆ ทำให้คนฮ่องกงมีรายได้ไม่พอจ่ายค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟ ต้องไปรวมกันอยู่ในห้องเล็กๆ 2-3 ครอบครัวต่อหนึ่งห้อง สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ จะทำครัวในบ้านก็ไม่ได้ต้องออกไปรับประทานนอกบ้าน หรือซื้อใส่ห่อมากินที่บ้าน จะมีลูกหลายคนก็ไม่ได้ ไม่มีที่อยู่ รายได้เมื่อหักค่าเช่าแล้วก็เหลือไม่พอใช้จ่าย แต่ก็ยังดูถูกคนจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่อยู่ดี

ความรู้สึกว่าตนสูงกว่าแต่จนกว่า ไม่เหมือนตอนอังกฤษปกครองที่สูงกว่าและรวยกว่า ทำให้เกิดความรู้สึกต่อต้านคนอื่น เมื่อมีอะไรมากระตุ้นก็ระเบิดความรู้สึกอย่างรุนแรงออกมา เช่น การที่รัฐบาลฮ่องกงจะตรากฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน อันเกิดจากการที่ชายฮ่องกงไปฆ่าภรรยาตนเองที่ไต้หวัน ซึ่งจีนถือว่าเป็นจังหวัดหรือมณฑลหนึ่งของจีน แล้วหนีมาฮ่องกง กฎหมายฮ่องกงเอาผิดฐานฆ่าคนตายที่ไต้หวันไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นธรรมแก่ญาติผู้ตายฮ่องกง

ฮ่องกงไม่ใช่รัฐบาลปักกิ่ง ปักกิ่งจึงเสนอร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน เท่านั้นเองชาวฮ่องกงโดยมีอเมริกาและอังกฤษหนุนหลังก็ออกมาประท้วง ปิดร้านรวง ผละงานมาร่วมประท้วง ปิดสนามบินและสถานที่ราชการ อย่างเดียวกับที่เคยทำกันในประเทศไทย โดยอ้างว่าระบบยุติธรรมของปักกิ่งไม่อารยะพอ ไม่ต้องการให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งคัดค้านการแก้กฎหมายอาญาของฮ่องกงให้ได้มาตรฐานสากลยิ่งขึ้น เป็นเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล

คนฮ่องกงกับคนสิงคโปร์มีความรู้สึกคล้ายๆ กันคือไม่รู้สึกว่าตนเป็นคนจีน แต่ขณะเดียวกันก็ไม่รู้สึกว่าตนมี “ชาติ” หรือ nation ที่ตนจะต้อง “รัก” และ “ภักดี” คนฮ่องกงและสิงคโปร์จึงมุ่งสร้างฐานะทางเศรษฐกิจให้ร่ำรวย เพื่อจะได้อพยพไปอยู่แคนาดา ออสเตรเลีย หรืออังกฤษ คนสิงคโปร์ยังดูหมิ่นดูถูกคนมาเลย์และคนทมิฬที่อยู่ในสิงคโปร์ แต่เนื่องจากสิงคโปร์แยกออกมาเป็นประเทศเอกราช ความรู้สึกเรื่อง “เอกลักษณ์” หรือ “identity” จึงเบาบางลง แต่คนฮ่องกงยังมีปัญหาเรื่อง “เอกลักษณ์” ของตนอยู่และกลายเป็นปมด้อยอย่างมหาศาล

การที่คนฮ่องกงคิดว่าตนสูงส่ง มีความเป็นอารยะกว่าคนจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ใต้ร่มธงแดงห้าดาว ใช้เพลงชาติจีนและต้องใช้ภาษาจีนกลางควบคู่กับภาษาอังกฤษ ยิ่งทำให้ความรู้สึกต่อต้านจีนรุนแรงยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันคนจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ก็มองคนฮ่องกงอย่างดูถูก เพราะรูปร่างหน้าตาก็เป็นคนจีนกลับไม่มีจิตสำนึกเป็นจีน แต่มีจิตสำนึกเป็นประชาชนชั้นสองของอังกฤษ ตัวเป็นจีนแต่ใจเป็นทาสอังกฤษ

ถ้าหากทางการฮ่องกงไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชนจากการก่อการจลาจล และการเรียกร้องเอกราช ก็เป็นความชอบธรรมที่ทางการฮ่องกงอาจจะต้องขอกองกำลังจากรัฐบาลกลางเข้าทำการปราบปรามได้ โดยที่อเมริกา อังกฤษ ยุโรป หรือแม้แต่รัสเซีย ไม่มีความชอบธรรมที่จะเข้ามาแทรกแซง สื่อมวลชนตะวันตกก็บิดเบือนประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องกงกับสาธารณรัฐประชาชนจีนไปในทำนองที่ว่า ฮ่องกงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่จีนพยายามจะผนวกเข้ากับประเทศตน

ทำไปทำมาคนฮ่องกงจำนวนมากก็เข้าใจเช่นนั้นและอยากจะเข้าใจเช่นนั้น เพราะไม่คิดว่าตนเป็นคนจีนเสียแล้วแต่เป็นคนฮ่องกงหรือ Hong Konger หรือคนสิงคโปร์หรือ Singaporean โดยไม่เป็น “รัฐชาติ” หรือ “Nation State” อย่างประเทศอื่นในเอเชีย

แต่ก็ไม่เหมือนไต้หวันที่ทั้งรัฐบาลปักกิ่งและรัฐบาลไทเปต่างก็ยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน เพียงแต่ว่ารัฐบาลใดเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นรัฐบาลของจีน แม้ว่าสหประชาชาติและนานาชาติรวมทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกยอมรับ รัฐบาลโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ปักกิ่งเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนฮ่องกงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจีนและไม่ใช่เมืองขึ้นของจีนเหมือนอังกฤษ แต่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรีในการปกครอง เป็นเขตปกครองตนเองภายใต้อธิปไตยของสาธารณรัฐประชาชนจีน

จีนคงยอมไม่ได้ที่จะอ่อนข้อให้กับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม มิฉะนั้นเขตปกครองตนเองอื่นๆ เช่น ทิเบต ซินเกียง ก็คงจะเอาอย่างบ้าง

เหตุการณ์ในฮ่องกงจะเป็นเครื่องชี้วัดการเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาและยุโรปเสียใหม่ ซึ่งจะสะท้อนความเป็นมหาอำนาจทางการเมืองและการทหาร ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจีน ซึ่งทั้ง 3 อย่างจะมาพร้อมกัน

การวางตัวของประเทศไทยในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอเมริกา จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องปรับไปตามสถานการณ์อยู่เสมอ

แต่ควรเป็นมิตรกับทั้ง 2 ฝ่าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image