เดินหน้าชน : จาก‘ขนมจีน’ถึง‘บะหมี่’ โดย เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

เรื่องของ “อาหารกลางวันเด็ก” ยังคงเป็นกรณีปัญหาที่ยังเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ทำงบประมาณตัวนี้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยเมื่อกลางปีที่แล้วมีข่าวโด่งดังถูกแฉผ่านโลกโซเชียล เรื่อง “ขนมจีนกับน้ำปลา” ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเรื่องการทุจริต ที่บรรดาผู้ปกครองยอมไม่ได้ จนทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายอำเภอท่าชนะ

วันนี้ปัญหาของการทุจริตอาหารกลางวันเด็กยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเป็นกรณีของโรงเรียนประถมในพื้นที่ ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท มีครูประจำชั้นคนหนึ่งแฉว่า อาหารกลางวันเป็นแค่บะหมี่ปรุงสำเร็จรูป ผัดให้เด็กกินเปล่าๆ ไม่มีหมู ไม่ใส่ไข่ ขนมผลไม้ก็ไม่มี

ต่อมาครูคนเดียวกันก็เจอดีเข้าให้ ปกติเป็นคนไม่มีปัญหาส่วนตัวกับใคร แต่ถูกมือดีปาก้อนเลือดใส่หน้าห้องเรียนจนต้องเข้าไปแจ้งความเพราะเหมือนถูกคุกคาม เหตุเกิดเมื่อ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าน่าจะมาจากข้อท้วงติงเรื่องอาหารกลางวันของเด็กที่ไม่มีคุณภาพนั่นเอง อาจทำให้ใครบางคนที่กลัวถูกแฉและเสียประโยชน์ไม่พอใจขึ้นมา

บรรดาผู้ปกครองต่างออกมาให้กำลังใจครูหญิงคนนี้เต็มที่ ที่กำลังเผชิญกับความหวาดกลัวโดยลำพัง โดยไม่มีผู้บริหารโรงเรียนคนไหนหรือแม้แต่เพื่อนครูจะเข้ามาช่วยปกป้อง

Advertisement

มีคำชี้แจงของทางโรงเรียนเหมือนกันว่า ภาพบะหมี่เปล่าๆ ที่ให้เด็กกินนั้นตรงกับวันสารทจีน ทำให้แม่ครัวหาซื้อของสดไม่ได้ น่าจะไม่ใช่ข้ออ้างที่ตรงประเด็นเท่าไหร่ เพราะเมนูแต่ละวันมีการวางแผนกันล่วงหน้าอยู่แล้ว

เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบแล้ว ก็ต้องหาวิธีการดูแลครูหญิงคนนี้ด้วย

เมื่อเร็วๆ นี้ ป.ป.ช.ภาค 3 ออกมาเปิดเผยรายละเอียดการตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบตามโรงเรียนหลายแห่ง เป็นแค่การสุ่มตรวจเท่านั้นก็ยังพบมีทั้งหมด 4 โรงเรียนที่เข้าข่ายกระทำการทุจริตจนมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว

ปัญหาที่พบก็ยังเป็นเรื่องการซื้อวัตถุดิบไม่ครบ คือมีงบซื้อในแต่ละวัน 1 หมื่นบาท แต่ซื้อมาแค่ 5 พัน โรงเรียนก็อ้างว่าเอาไปใช้จ่ายส่งนักเรียนแข่งกีฬา และยังพบโรงเรียนบางแห่งเอางบอาหารกลางวันเด็กที่มีจัดสรรไว้เฉพาะนักเรียนชั้นประถมศึกษาไปดูแลให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา รวมถึงครูในโรงเรียนด้วย

ไปงัดแฟ้มข่าวออกมา หลังเกิดปัญหาขนมจีนคลุกน้ำปลาให้เด็กประถมกินในเดือนมิถุนายน ปี’61 ช่วงใกล้กัน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้จัดเสวนาทางวิชาการ เรื่อง การบริหารจัดการอาหารกลางวันนักเรียนให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ ทั้งครูและบุคลากรทางการศึกษา ตัวแทนโรงเรียนสังกัด อปท. ประมาณ 400 โรงเรียนเข้าร่วม

สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวถึงงบประมาณอาหารกลางวัน ถูกตั้งงบไว้ตกปีละมากกว่า 22,000 ล้านบาท ตกหัวละ 20 บาท ถือว่าเป็นงบเฉลี่ยที่เหมาะสมแล้ว มีความเหมาะสม งบประมาณไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป แต่การที่บางโรงเรียนนำงบประมาณไปใช้แบบมีปัญหา แม้จะมีตัวอย่างดีๆ ในการจัดการอาหารกลางวันด้วยงบประมาณจำนวนดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เช่น โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา สมุทรปราการ เป็นต้น

ทางออกของปัญหา อธิบดีฯ เสนอใช้ Thai School Lunch ช่วยแก้การจัดการอาหารกลางวันให้ทุกโรงเรียนได้ และขยายผลในอนาคต เป็นโปรแกรมที่จัดเมนูอาหารแบบใช้ได้ 2 ทาง คือ สามารถเลือกหาเมนูอาหารในโปรแกรมและสร้างเมนูเพิ่มได้เอง

อธิบดีฯ ยังพูดตอนหนึ่งด้วยว่า จะเตรียมแนวทางการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนคุณภาพอาหารกลางวันเพื่อโภชนาการของเด็กนักเรียน ไว้ติดตามการดำเนินการของทุกโรงเรียนไปใช้ระบบ Thai School Lunch จะวัดได้ว่ารายการอาหารมีสารอาหารครบ มีปริมาณและจำนวนที่เป็นรูปธรรม พร้อมตั้งคณะทำงานติดตามก็จะเข้าไปเยี่ยมเด็กนักเรียน มีนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด และการมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้ปกครอง และกรรมการศึกษา เพื่อจะช่วยให้เกิดสิ่งที่ดีงามกับเด็กได้มากกว่าที่ผ่านมา โดยจะจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนให้แล้วเสร็จใน 7 วัน

น่าเสียดายเหมือนกันว่า ปัญหาจากขนมจีนคลุกน้ำปลาที่ถูกดันให้เป็นกรณีการแก้ปัญหาครั้งใหญ่ ก็กลับมาวนๆ ในวันนี้ ยังมีปัญหาเหมือนที่เคยเกิดขึ้น

เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image