พายุโพดุลเพิ่งผ่านพ้นไป พายุลูกใหม่กำลังเข้ามา กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ “พายุระดับ 3 (โซนร้อน) คาจิกิ” ว่า เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 3 กันยายน พายุระดับ 2 หรือดีเปรสชั่น บริเวณใกล้เกาะไหหลำ ประเทศจีน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 หรือพายุโซนร้อน ชื่อ “คาจิกิ” แล้ว โดยเมื่อเวลา 04.00 น. มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองเว้ ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่และฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนระวังอันตราย ทั้งนี้การเกิดพายุและฝนตกหนักถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
พายุที่นำฝนเข้ามาทำให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยเผชิญหน้ากับภัยน้ำท่วม เมื่อวันที่ 2 กันยายน นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า พายุโพดุลทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ในพื้นที่ 26 จังหวัด 82 อำเภอ 228 ตำบล 784 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 39,857 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 5 ราย ใน จ.อุบลราชธานี พิจิตร พิษณุโลก อำนาจเจริญ ขอนแก่น ผู้บาดเจ็บ 1 คน ที่ จ.ชัยภูมิ ผู้สูญหาย 2 ราย ที่ จ.อำนาจเจริญ พิจิตร ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ มุกดาหาร ยโสธร ขอนแก่น อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด อพยพประชาชน 621 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัด จ.ขอนแก่น น่าน อำนาจเจริญ ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งงบประมาณเยียวยาผู้ประสบภัยให้จังหวัดละ 200 ล้านบาท เพื่อให้ทางจังหวัดช่วยเหลือประชาชนหลังน้ำลด
จากการคาดการณ์ทราบว่าพายุจะยังมีต่อเนื่องตลอดฤดูกาล ทำให้ฝนตกหนักมีตลอด ขณะที่การเตรียมการช่วยเหลือฟื้นฟูทางรัฐบาลได้ดำเนินการเอาไว้แล้ว สิ่งที่สมควรจะเพิ่มเติมเข้าไปคือกระบวนการลดการสูญเสีย โดยเฉพาะการสูญเสียชีวิตคนจากเหตุอุทกภัย ซึ่งจากรายงานของกระทรวงมหาดไทยทราบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย โดยล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของชาวจังหวัดขอนแก่นที่เสียชีวิตจากไฟฟ้าชอร์ตขณะช่วยเหลือเพื่อนบ้านขนของหนีน้ำ การสูญเสียจากภัยน้ำท่วมซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำเช่นนี้น่าจะมีหนทางป้องกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงกระทำตั้งแต่บัดนี้ เพื่อมิให้การสูญเสียเกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะการสูญเสียชีวิตจากภัยน้ำท่วมไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกเลย
