รื่นร่มรมเยศ : ต่ออายุได้จริงหรอ : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

รื่นร่มรมเยศ : ต่ออายุได้จริงหรอ : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

รื่นร่มรมเยศ : ต่ออายุได้จริงหรอ : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

เคยอ่านนิทานเรื่องเณรน้อยกับอาจารย์

อาจารย์เป็นหมอดูเลขหลายตัว ไม่ใช่เจ็ดตัวอย่างปัจจุบัน อาจารย์คำนวณเลขผานาทีเสร็จสรรพบอกเณรว่า เณรอายุสั้น จะตายภายในเจ็ดวัน เณรน้อยได้ยินก็ตกใจมาก เสียอกเสียใจเดินออกจากวัดอย่างไร้จุดหมาย

บังเอิญว่าเณรเดินผ่านทุ่งนาแห่งหนึ่ง เห็นปลาช่อนสามตัวกำลังดิ้นกระแด่วๆ อยู่ที่แอ่งน้ำเล็กๆ กำลังแห้งขอดรอวันตาย เกิดความสงสาร จึงเอาปลาช่อนทั้งสามตัวไปปล่อยในหนองน้ำ ปลาทั้งสามมองเณรน้อยแวบหนึ่ง ดังหนึ่งจะกล่าวคำขอบคุณแล้วก็ดำน้ำหายไป

Advertisement

เณรน้อยเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งเจ็ดวันผ่านไป พบว่าตัวเองไม่ตายดังคำพยากรณ์ของอาจารย์ จึงเดินทางกลับวัด

อาจารย์เห็นเณรน้อยร้องถามด้วยความแปลกใจ อ้าว…เณรยังไม่ตายหรือ เณรตอบว่า ดูเหมือนท่านอาจารย์อยากจะให้ผมตายนักนะครับ อาจารย์บอกว่า ไม่ใช่ดอกเณร ฉันก็ว่าไปตามตำรา ตำราว่าเณรจะสิ้นอายุภายในเจ็ดวัน เมื่อเห็นว่าเณรไม่ตายจริง ก็แสดงว่าตำรามันเชื่อถือไม่ได้ ว่าแล้วท่านก็รีบเข้ากุฏิคว้าคัมภีร์เลขมาเผาไฟทิ้ง พลางบ่นพึมพำว่า “พอกันที เลิกเชื่อถือแล้ว”

เณรน้อยร้องห้ามอาจารย์ว่า อย่าครับอาจารย์ แล้วรีบวิ่งไปคว้าคัมภีร์มาดับไฟ สายเกินไปเสียแล้ว คัมภีร์เลข
ถูกไฟไหม้เกือบหมดสิ้น เหลือเลขอยู่เพียง 9 ตัวเท่านั้น ว่ากันว่าเลขแต่ก่อนนี้มีมากกว่านี้ ไฟไหม้หมดคงเหลือเพียง 9 ตัวเท่านั้น พอนับถึงเก้าจะนับสิบจึงต้องเอาเลขหนึ่งมาใส่ศูนย์ (10) เวลาจะนับสิบเอ็ดก็ต้องเอาเลขหนึ่งมาเรียงกันสองตัว (11)…ว่ากันอย่างนั้น

Advertisement

เรื่องนี้เล่ากันเล่นๆ ประเภทนิยายย่อยอาหาร แต่ก็แฝง “สาระ” บางอย่างอยู่ ถ้าจะถามว่าคนเราถึงคราวตายอย่างกรณีเณรน้อยนี้ แล้วไม่ตายเป็นไปได้หรือ เพราะเหตุใด? คำตอบน่าจะเป็นว่า เณรน้อยนี้บังเอิญไปทำบุญกุศล ช่วยเหลือปลาช่อนสามตัวให้รอดตายอานิสงส์การให้ “ชีวิตทาน” ครั้งนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญช่วยให้เณรน้อยยืดอายุไปชั่วระยะหนึ่งได้

ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ อาจารย์ผมเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านเป็นพระหนุ่ม มีซินแสคนหนึ่งทายว่าท่านจะตายเมื่ออายุ 36 ท่านไม่ประมาทในชีวิต ทำบุญทำกุศลเรื่อยมา เพราะคิดว่าตนเองอายุสั้น ไหนๆ จะตายแต่หนุ่ม ก็รีบทำบุญไว้มากๆ ท่านว่าท่านเชื่อหมอ เพราะหมอคนนี้ทายแม่นมาก เกียรติคุณเล่าขานกันทั่วไป แต่ท่านก็ไม่ตาย มีอายุยืนยาวมาถึงเจ็ดสิบกว่าปีจึงมรณภาพ “หมอตายก่อนพ่ออีก” ท่านบอกพร้อมหัวเราะ

ก็มีผู้วิเคราะห์ที่ท่านไม่ตายดังที่หมอทำนาย ก็เพราะผลบุญกุศลที่ท่านทำไว้ช่วยต่ออายุให้ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาก็มีเรื่องทำนองนี้เรื่องหนึ่ง

มีเด็กคนหนึ่ง พ่อแม่พาไปไหว้ฤาษี เวลาพ่อแม่ไหว้ ฤาษีก็อวยพรว่าขอให้อายุมั่นขวัญยืน แต่พอให้เด็กไหว้บ้าง ฤาษีกลับนิ่งเงียบไม่อวยพร พ่อแม่เด็กจึงถามว่าทำไมไม่อวยพรให้ลูกชายบ้าง ฤาษีตอบว่าเด็กคนนี้อายุสั้น จะสิ้นชีวิตภายในเจ็ดวัน

พ่อแม่เด็กตกใจมาก พากันไปหาพระพุทธเจ้า เวลาให้เด็กไหว้พระพุทธเจ้า พระองค์ก็ไม่ประทานพรให้อายุมั่นขวัญยืนเช่นเดียวกัน เมื่อกราบทูลถามว่าจะให้ทำอย่างไรดี จึงจะช่วยเด็กได้บ้าง

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ให้นิมนต์พระมาถวายภัตตาหารและให้สวดพระปริตรเจ็ดวันเจ็ดคืนโดยไม่หยุด ขณะสวดมนต์ก็ให้เด็กนอนอยู่ในวงสายสิญจน์ พ่อแม่เด็กจึงนิมนต์พระสงฆ์มาสวดพระปริตรเจ็ดวันเจ็ดคืนตามที่พระพุทธองค์ทรงแนะนำ

เจ็ดคืนเจ็ดวันผ่านไป เด็กก็รอดมีอายุยืนยาวถึง 120 ปีจึงตาย จนพ่อแม่ขนานนามให้ใหม่ว่า “อายุวัฒนกุมาร” (กุมารผู้มีอายุยืน)

เรื่องนี้มีเล่าไว้ในอรรถกถาธรรมบท ผู้แต่งคือพระพุทธโฆษาจารย์ ชาวอินเดีย แต่งไว้สมัยพุทธศตวรรษที่ 10 เรื่องจะเกิดขึ้นจริงในสมัยพุทธกาลหรือไม่ ไม่มีใครยืนยัน (เพราะในพระไตรปิฎกไม่มี) แต่ที่น่าคิดก็คือ บุญกุศลนั้นมีพลานุภาพจริง สามารถบันดาลให้เกิดผลเหนือความคาดหมายของคนได้ แม้กระทั่งจะถึงจุดดับชีวิตอยู่แล้ว บุญที่ทำไว้ยังช่วยให้ผ่านพ้นจุดวิกฤตนั้นไปได้ ดังกรณีเณรน้อยหรือกรณีเด็กน้อยในเรื่องนี้

ในกรณีเด็กน้อยนี้ พ่อแม่ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ จัดให้พระสงฆ์สวดพระปริตรเป็นการทำบุญช่วยลูกชาย และลูกชายเองก็ได้นอนฟังพระปริตรอยู่ตั้งเจ็ดวันเจ็ดคืน ส่วนนี้ก็นับว่าแกได้ทำบุญ ทั้งบุญที่พ่อแม่ทำ ทั้งบุญที่เด็กทำ จึงผนึกเป็นพลังช่วยต่ออายุให้แกได้อย่างมหัศจรรย์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image