เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2562 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชุดนี้มีกำหนดการจะแถลงผลงานของรัฐบาล แม้รัฐบาลจะเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ต้องถือว่าเข้ามาบริหารประเทศติดต่อกันยาวนาน โดยเริ่มตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 จวบจนถึงปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นผู้นำ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้สัญญาว่าจะทำให้ประชาชนในหลายเรื่อง
เรื่องที่สำคัญในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจใหม่ๆ คือ เรื่องการลดความขัดแย้ง และสร้างความปรองดอง นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนการปฏิรูป โดยตั้งชุดแสวงหาข้อมูล และสรุปเป็นแนวทางการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ จำนวน 11 ด้าน อาทิ ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นต้น ซึ่งก่อนที่ คสช.จะสละอำนาจ และเปิดให้มีการเลือกตั้งใหม่ กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปชุดต่างๆ เพื่อดำเนินการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้ประชาชนล้วนได้เห็นความเป็นไปทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ซึ่งไม่ก่อเกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นแต่อย่างใด การเมืองในวันนี้กับการเมืองก่อนการรัฐประหาร รวมถึงเศรษฐกิจ การบริหารราชการแผ่นดิน และอื่นๆ ล้วนแล้วแต่สามารถเปรียบเทียบกับสถานภาพเมื่อวันก่อนได้ทั้งสิ้นว่ามีความเหมือนและความต่างกันเช่นไร มีพัฒนาการดีขึ้นหรือแย่ลงเช่นไร
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่า การเมืองไทยตกอยู่ในสภาพไร้เสถียรภาพ มีตัวอย่างคือเสียงปริ่มน้ำของฝ่ายรัฐบาลกระทบต่อการบริหารประเทศ เศรษฐกิจมีปัญหา กระทั่งมีเสียงเรียกร้องจากทุกฝ่ายให้รีบแก้ไข หรือประสิทธิภาพในการบริหารงานในระบบราชการ สะท้อนออกมาจากการจัดการกับสารเคมี 3 สารที่กำลังเป็นปัญหายกเลิกหรือต้องยืดเวลา
สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป้าหมายการปฏิรูปประเทศตั้งแต่ คสช.ยึดอำนาจ และยังมีอำนาจสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนั้น มีความคืบหน้าไปถึงไหน สำเร็จหรือล้มเหลวเช่นไร ในการแถลงผลงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะรวบรวมความสำเร็จล้มเหลวของการปฏิรูปมาแจ้งต่อประชาชน เพื่อให้สังคมรับทราบและแสดงความคิดเห็นต่อยอดผลักดันให้การปฏิรูปมีผลออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ตอกย้ำว่าวาทกรรม “ปฏิรูปประเทศ” ไม่ได้แค่หลอกลวงสังคมในยามที่ต้องการแย่งอำนาจ แต่เป็นความต้องการที่จะทำให้ประเทศพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างแท้จริง
