ไทยนี้รักสงบ…

ประชากรที่มีคุณภาพของประเทศใดประเทศหนึ่งย่อมเป็นดัชนีชี้วัดถึงการบริหารราชการแผ่นดินของ          รัฐบาลนั้นๆ ที่จะปฏิเสธมิได้เนื่องด้วยความเป็นรัฐหรือผู้บริหารในระดับสูงสุดของรัฐก็คือรัฐบาลย่อมต้องมีวิสัยทัศน์หรือนโยบายของการบริหารเมืองประเทศนั้นๆ ไปสู่เป้าหมายหรือจุดหมายของประเทศก็เพื่อความสงบผาสุกแห่งประชาชนในรัฐนั้นทั้งปัจจุบันและอนาคต

ประเทศไทยเราในปัจจุบันนี้ครั้งเมื่อในอดีตมีคำเรียกว่า “สยามประเทศ” ซึ่งก่อนหน้านี้เราท่านได้รับรู้จากประวัติศาสตร์ชาติไทยก็จะมีเมืองโยเดีย หรืออยุธยาศรีรามเทพนคร และสุโขทัย การเปลี่ยนผ่านยุคกาลสมัยตั้งแต่อดีตมาจนกระทั่งปัจจุบันในแผ่นดินนี้มีทั้งพระราชา พระมหากษัตริย์ การรบ การค้าในระดับนานาชาติ วัด เวียง วัง อาณาประชาราษฎร์ได้รวมกันเป็นแผ่นดินที่เกิดอยู่อาศัยที่ส่งผ่านมายังท่านทั้งหลาย คำถามหนึ่งที่คนในวัยของนายกรัฐมนตรีไทยเรา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตั้งคำถามที่ส่งถึงนัยยะของความเป็นชาติบ้านเมืองไปยังนักการเมืองรุ่นใหม่บางคน บางพรรค หรือคนรุ่นลูกหลานไทยในเวลานี้เขาเหล่านั้นได้รู้และตระหนักถึงความเป็นชาติบ้านเมืองแค่ไหน เพียงไร

การบรรยายของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เมื่อเร็ววันนี้ในเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก กรุงเทพมหานคร เนื้อหาสาระของการบรรยายดังกล่าวให้เห็นถึงภาพรวมของสถานการณ์บ้านเมือง ความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก โดยเฉพาะทหารมืออาชีพที่ต้องทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงในรัฐ ความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการช่วยเหลือประชาชนถือว่าเป็นภารกิจหลัก…

การกล่าวถึงสภาพของปัญหาการเมืองไทยเราที่ผ่านมา ในข้อเท็จจริงที่เราท่านพึงเห็นได้เชิงประจักษ์ก็คือปัญหาของการแย่งการมีอำนาจและผลประโยชน์ของรัฐที่จะเป็นรัฐบาล รัฐบาลในบางรัฐบาลและนักการเมืองบางคนได้สร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองทั้งการทุจริตคอร์รัปชั่น การเอื้อผลประโยชน์ต่อพรรคพวกญาติพี่น้อง รวมถึงการออกกฎหมายที่เอื้อต่อผลประโยชน์แห่งตนเอง พฤติกรรมของนักการเมืองบางพรรคบางคน นักวิชาการ สื่อ ทุนสนับสนุน รวมถึงการปลูกฝังความเชื่อที่ดูเสมือนจักเป็นสิ่งที่ทำลายชาติบ้านเมืองในอนาคต คงอยู่ในประเด็นสำคัญของ ผบ.ทบ.

Advertisement

ประเทศไทยหรือพื้นที่ในเมืองไทยเราในปัจจุบันหากเปรียบเทียบกับบางประเทศหรือบางเมืองก็มิได้มีพื้นที่ใหญ่โตมากนัก หากใครได้มีโอกาสได้ไปในบางประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน สหภาพโซเวียต หรือรัสเซีย หรือบางประเทศจะสังเกตได้ว่าประเทศเหล่านั้นมีทั้งพื้นที่ดิน จำนวนประชากรมากกว่าคนไทยหลายเท่าตัว จำนวนพื้นที่ไทยเรา 198,115 ตารางไมล์ ที่มีประชากรอาศัยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่มากกว่า 70 ล้านคน ความหนาแน่นของประชากร 4,950 คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร

เมืองไทยเราถูกจัดอยู่ในขนาดพื้นที่ลำดับที่ 50 ของโลก…

สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้มีข้อมูลด้านฐานะทางเศรษฐกิจของคนไทยพบว่ามีคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีหรือ คนรวย 0.1% หรือประมาณ 65,000 คนจากประชากรทั้งประเทศ คนไทยทั้งประเทศเป็นผู้ไม่มีบ้านหรือที่ดินเป็นของตนเองในระดับเปอร์เซ็นต์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันนักการเมืองบางคน เจ้าสัว เศรษฐี ผู้มีอิทธิพล อาจจักรวมถึงข้าราชการบางคนที่ผันตนเองเป็นนักการเมืองที่เมื่อคราวต้องจำเป็นต้องแจ้งทรัพย์สินสมบัติของตนเองให้แก่หน่วยงานรัฐพบว่าหลายคนมีทรัพย์สินเงินทองบ้านที่ดินในระดับร้อยล้านหรือมากกว่านี้ ขณะเดียวกันก็ถูกตั้งคำถามถึงคุณภาพชีวิตในระดับชาวบ้านที่ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ ข้าราชการชั้นผู้น้อย ยังคงมีความยากจนที่อยู่ในระดับต้องกู้หนี้ยืมสิน สภาพปัญหาหนึ่งที่สะท้อนความเป็นเศรษฐกิจของประเทศก็คือ รายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล และธุรกิจหวยใต้ดินที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ระบบการค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย ยาบ้า ไอซ์ โคเคน เฮโรอีน ผงขาว มีระดับการค้าขายที่สลับซับซ้อนและเข้าถึงลูกค้าได้ไม่ได้ยากนัก บ่อนการพนันและธุรกิจที่ผิดกฎหมาย มิอาจจักรวมถึงธุรกิจในการขายบริการทางเพศที่กระจายอยู่ทั่วเมืองไทยเราในบริบทต่างๆ

Advertisement

เมื่อสยามประเทศ ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ประเทศไทยใน พ.ศ.2482 รัฐบาลในขณะนั้นได้มีการจัดประกวดเนื้อร้องเพลงชาติไทยใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงประเทศ ขณะเดียวกันก็กำหนดให้มีการใช้ทำนองของพระเจนดุริยางค์ในลักษณะเดิมให้มีเนื้อรองความยาว 8 วรรค เนื้อร้องของพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ ได้รับรางวัลชนะเลิศในขณะนั้นรัฐบาลได้ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2482 มาจนถึงปัจจุบัน   ตอนหนึ่งในเพลงชาติไทยก็คือ “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด…” และวรรคแรกของเพลงชาติไทยก็คือ “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี…”

เราท่านทั้งหลายรวมทั้งลูกเล็กเด็กแดงที่ได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในโรงเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัย ไปจนถึงระดับอุดมศึกษา ต่างก็ได้มีกิจกรรมหนึ่งก่อนเข้าเรียนในช่วงเช้าก็คือการเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติไทยไหว้พระสวดมนต์ บางช่วงขณะของหน่วยงานราชการบางแห่งก็มีการเชิญธงชาติไทยลงจากเสาในช่วงเย็นก็มักจะได้ยินได้ฟังอีกครั้งหนึ่ง มิอาจจักรวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในวาระต่างๆ โรงหนังก็ที่เราท่านจักได้ชมหนังในโรงตามห้างสรรพสินค้าก็มีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี คนไทยทั้งประเทศได้รับรู้ถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ควบคู่กับสังคมไทยมาเป็นเวลานาน

“ไทยนี้รักสงบ…” ดูเสมือนเป็นประโยคคำที่มีความหมาย มิได้แตกต่างจากคำหรือประโยค “ประชารัฐ” ซึ่งมีความหมายที่ลึกซึ้งในหลายนัยยะอาจจักรวมถึงการตีความในคำประโยคดังกล่าวที่สะท้อนถึง คนไทยและชาวต่างชาติที่กินอยู่หลับนอนในผืนแผ่นดินไทย และวันหนึ่งก็ต้องทิ้งร่างและลมหายใจในแผ่นดินไทยเรานี้ เขาเหล่านั้นหลายคนไดมีคำถามที่ว่า เมืองไทยเราในวันนี้และวันเวลาที่ผ่านมามีความสุขสงบจริงหรือไม่ ความสงบที่เกิดจากกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติที่รัฐได้ออกบังคับไว้จักนำมาซึ่งความสงบที่แท้จริงของประชาชน และนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามหรือไม่

หรือแม้กระทั่งคำถามหนึ่งที่อาจจักมิได้รับคำตอบเร็ววันก็คือ ปัญหาการฆ่าทำร้ายของผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะนำมาซึ่งความสงบสุขเสมือนจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศหรือไม่…

ทฤษฎีอาชญาวิทยาเชิงสังคมวิทยาและบูรณาการหนึ่ง ของซุทเธอร์แลนด์เชื่อว่า “ทฤษฎีความสัมพันธ์ที่แตกต่าง : Differential Association Theory” โซนพื้นที่เมืองชั้นในจะมีความขัดแย้งทางวัฒนธรรม (Cultural Conflict) โดยมีความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมสองวัฒนธรรมที่ก่อให้เกิดอาชญากร (Criminal) รวมถึงพฤติกรรมแห่งความรุนแรงของคนในสังคมที่มาจากความเครียดจากปัจจัยพื้นฐานแห่งชีวิต การไม่พอใจในฐานะสถานภาพของชนชั้นที่เป็นเหตุปัจจัยไปสู่การสนับสนุนการกระทำความผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรมของประเทศ…(law.stou.ac.th)

ซีซาร์ เบ็คคาเรีย (Cesare Beccaria) นักปรัชญาชาวอิตาเลียน เป็นคนแรกที่มีแนวคิดอาชญาวิทยาสำนักคลาสสิก โดยเสนอทฤษฎีอาชญากรรมและการลงโทษ (On Crimes and Punishments) ที่ไม่เห็นด้วยกับหลักการของรัฐในการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการพิจารณาคดีของศาลโดยเขาเห็นว่า บุคคลทุกคนควรมีความเท่าเทียมกันในกฎหมายและเขาได้นำหลักการในทฤษฎีอรรถประโยชน์นิยม (Utilitarianism) ก็คือประโยชน์สูงสุดสำหรับปวงชนจำนวนมากที่สุดมาใช้ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาโดยเห็นว่าเป็นการลงโทษเพื่อป้องกันสังคมมิให้เดือดร้อน หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การลงโทษเพื่อการข่มขู่ยับยั้ง” (Deterrence Theory) โดยมีหลักการสามอย่างคือ หนึ่ง การลงโทษต้องกระทำด้วยความรวดเร็ว (Swiftness) สองการลงโทษต้องมีความแน่นอน (Certainty) และสาม การลงโทษต้องมีความเคร่งครัด (Severity) และเขาได้มีหลักการสำคัญในกฎหมายอาญาคือ ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีกฎหมาย (nullum criemen sig lego) และศาลเป็นเพียงผู้พิจารณาพิพากษาคดี ศาลไม่ควรมีอำนาจในการกำหนดอัตราโทษ การกำหนดอัตราโทษเป็นอาญา เป็นอำนาจของสภานิติบัญญัติซึ่งก็เป็นไปตามทฤษฎีสัญญาประชาคม…

ในครั้งก่อนหนึ่งหรือสองศตวรรษที่ผ่านมาสังคมชาวสยาม ก็มีการสู้รบศึกกับชาวต่างชาติที่การการล่าอาณานิยมเขตพื้นที่ประเทศเพื่อเป็นการขยายอำนาจของผู้นำในช่วงขณะนั้นๆ พระมหากษัตริย์ไทยช่วงก่อนรัชกาลที่ 5ต้องใช้กุศโลบายหรือพระราชจริยาวัตรที่ชาญฉลาดเพื่อให้บ้านเมืองอยู่รอดหรือหลังรัชกาลที่ 5 เพียงไม่นานนักสังคมไทยเราก็มีความขัดแย้งที่เกิดจากผู้คนภายในประเทศ สภาพของการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศก็คือ ความต้องการมีอำนาจและผลประโยชน์อาจจักรวมถึงนัยยะของการที่ต้องการประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่อารยประเทศถวิลหา

ความขัดแย้งกันในระดับผู้นำของรัฐหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 มาถึงยุคปัจจุบันก็เปลี่ยนไปตามบริบทของบ้านเมือง การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งต้องการบุกรุกเพื่อไปครอบครองดินแดนอีกประเทศเมืองหนึ่งมิได้เป็นการง่ายดาย แต่การเปลี่ยนแปลง ปัญหาการประท้วงของประชาชน การอพยพของประชาชนในประเทศนั้นไปประเทศอื่นเพื่อหลีกหนีปัญหาของประเทศทั้งสงครามภายใน ปัญหาเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ ความไม่เป็นธรรมทั้งหลักการพื้นฐานของชีวิตและการต้องการมีอำนาจที่ต้องการครอบครองประเทศอันยาวนานของบางประเทศนำไปสู่ความไม่สงบจากการบังคับด้วยข้อกฎหมายของรัฐต่อประชาชน

มีผู้รู้บางท่านได้ให้ความหมายของประเทศใดเมืองใดที่มีความสงบสุขอย่างแท้จริงให้ดูได้จากเหตุปัจจัย อาทิ ประชาชนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันอย่างมิมีข้อจำกัด บ้านสำนักงานไม่ต้องมีรั้วบ้าน กล้องวงจรปิด อาชญากรรมในประเทศมีจำนวนลดน้อยลงทั้งลัก วิ่ง ชิง ปล้น ฆ่า ข่มขืน กระบวนการด้านความยุติธรรมทั้งจำนวนบุคลากร สำนักงาน สถานที่มีจำนวนน้อยลงทั้งตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษาและศาล เรือนจำทัณฑสถาน รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวถึงการเดินหน้าประเทศไทยไปในยุทธศาสตร์ชาติยี่สิบปีอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

สภาพปัญหาหลายอย่างยังคงมีอยู่ในภาพเชิงประจักษ์ในรายวันทั้งระดับเด็กเยาวชนชาวบ้านทั้งเด็กแว้น    ยาเสพติด การพนัน เด็กถูกออกนอกระบบการศึกษา ปัญหากู้หนี้ยืมสิน เด็กเกิดลดลง คนแก่ชรามีจำนวนมากขึ้น อุบัติเหตุจากถนนและรถประเภทต่างๆ มีสูงขึ้น โรงพยาบาลยังขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งประเทศ มิอาจจักรวมถึงนักการเมืองรุ่นใหม่หรือ นักการเมืองในอดีตฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลบางคนดูเสมือนว่าจะเป็นไม้เบื่อไม้เมาของรัฐบาลชุดนี้

สถาบันหนึ่งที่คนไทยทั้งชาติเชื่อว่าจักเป็นที่พึ่งทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและจิตวิญญาณได้ก็คือพระศาสนาหรือวัดสำนักสงฆ์ที่กระจายอยู่ทั่วเมืองไทย พระภิกษุสงฆ์สามเณร แม่ชี ภิกษุณีที่อยู่ในวัดวาอาราม หลายรูปหลายวัดที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัยในพระศาสนา ภาพข้อมูลหรือข่าวที่นำเสนอของบุคลากรในศาสนาทั้งการทะเลาะวิวาทกับชาวบ้าน ผิดศีลธรรมและกฎหมายของบ้านเมืองยังคงมีอยู่ในข้อเท็จจริง ชาวบ้านบางแห่งที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้วัดได้เห็นพฤติกรรมของพระบางรูปในวัด กลับต้องไปทำบุญอีกวัดหนึ่งที่อยู่ห่างไกลคณะสงฆ์ไทยยุคนี้มีวาระถึงการปฏิรูปพระศาสนาเพื่อความสุขสงบของศาสนิกชนด้วยหรือไม่

เมืองไทยเราวันนี้ไม่เหมือนเดิมเมื่อห้าหรือหกทศวรรษที่ผ่านมา ความเปลี่ยนแปลงในบริบทต่างๆ ทำให้เราท่านรวมถึงผู้บริหารชาติบ้านเมืองต้องใจกว้าง เปิดวิสัยทัศน์ที่เลยจากข้อจำกัดในยุคเบบี้บูม เราท่านและรัฐเต็มใจ พร้อมใจ หรือเผื่อใจต่อการเปลี่ยนแปลงของชาติบ้านเมืองหรือไม่…

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image