ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
---|
ในโอกาสที่ 10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญเวียนมาอีกรอบ
ลองพลิกกลับไปดูเจตนาของคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองนำโดย นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่วางเอาไว้
อาจารย์เอนกได้เขียนเนื้อหาแสดงเจตนาของคณะกรรมการชุดดังกล่าว
บันทึกไว้ว่า คณะกรรมการปฏิรูปการเมืองมีความหวังจะธำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มีความมั่นคง มีความชอบธรรม มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติ บ้านเมืองและประชาชน
คณะกรรมการปฏิรูป ต้องการให้ประเทศชาติและสังคมต้องมีความสงบเรียบร้อย มีความสามัคคีปรองดอง ประชาชนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี และได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และยังมีความหวังว่า เมื่อการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งไว้แล้ว จะทำให้ประเทศพัฒนาในมิติอื่นๆ ตามไปด้วย
ประเทศชาติและสังคมจะมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประชาชนในชาติจะมีการพัฒนาทางด้านวัตถุและจิตใจที่สมดุลกัน
มีความสุข มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เกิดความเป็นธรรมและความทัดเทียมในสังคม
นั่นคือเป้าหมายโดยสรุปๆ มาจากเจตนาของคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง
ถามว่า ณ เวลานี้มีอะไรเกิดขึ้นเป็นมรรคเป็นผลทางการเมืองบ้าง
วันนี้ประชาชนมีความสุข ประชาชนมีคุณภาพชีวิต และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแค่ไหน
วัดจากความมีความจน ประชาชนคนไทยที่ขึ้นทะเบียนคนจน 14 ล้านคนคือตัวเลขที่บ่งบอก
บ่งบอกว่ามีความเป็นอยู่เช่นไร และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลง
ส่วนผลที่ต้องการเห็นความเป็นธรรมและความเท่าเทียมในสังคม
ลองสัมผัสไปที่กรณี “ปารีณา ไกรคุปต์” ก็จะพบเสียงโวยวายมากมาย
หนึ่งในเสียงเรียกร้องจากกรณีดังกล่าวคือ “ความเท่าเทียม” และ “ความเป็นธรรม”
แวะเวียนไปดูคดีการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ
เสียงเรียกร้องเรื่อง “ความเป็นธรรม” ยังคงปรากฏให้ได้ยินอยู่เนืองๆ
ย้อนกลับไปที่รัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับฉายา “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”
สะท้อนภาพความเท่าเทียมและความเป็นธรรมได้ในอีกมิติ
นี่ยังไม่รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับ “ความชอบธรรม” ซึ่งเพิ่งเกิดกรณี “งูเห่า” ในสภา
เมื่อปัญหาของรัฐบาลคือ “เสียงปริ่มน้ำ” หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลจึงต้องเติมเสียง
วิธีการเติมเสียงจึงมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการยุบพรรคเล็กแล้วโอนเข้าสังกัดพรรคใหญ่
หรือการแหกกฎแหกมติ โหวตสวนพรรคตัวเอง
หรือวิธีการอื่นใดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งหมดนี้ยังมีปัญหาเรื่อง “ความชอบธรรม”
6 เดือนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี้ ถือว่าไร้ความคืบหน้าด้านปฏิรูปการเมือง
ประเทศไทยยังเกิดปัญหาในหลายมิติ
ทั้งด้านบริหาร ด้านความชอบธรรม ด้านความเท่าเทียม ด้านความเหลื่อมล้ำ
ช่วงส่งท้ายปี น่าจะมาทบทวนกันดูดีๆ
งานปฏิรูปการเมืองเราไปถึงไหนแล้ว
ทำไมผลจากการปฏิรูปจึงทำให้หลายอย่างดูแย่ลง
แล้วทางออกจากนี้เป็นเช่นไร
เผื่อหาทางแก้ไขกันได้ ปี 2563 จะได้ร่วมมือร่วมใจกันดำเนินการ