หน้า 2 : ภาคเอกชนส่องกล้อง อาฟเตอร์ช็อก‘แฟลชม็อบ’

หมายเหตุ ความเห็นนักธุรกิจและนักวิชาการ กรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และสมาชิก อนค.จัด “แฟลชม็อบ” บริเวณสกายวอล์ก ปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยมีผู้มาร่วมจำนวนมากพร้อมๆ กับการจัดชุมนุมที่ข่วงประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ เมื่อ 14 ธ.ค.ที่่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศหรือไม่

ธนวรรธน์ พลวิชัย
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

การวิเคราะห์จากปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยบั่นทอนเศรษฐกิจในปี 2563 พบว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ โดยขยายตัว 3.1% หรือกรอบ 2.7-3.4% จากปี 2562 ที่คาดขยายตัว 2.5-2.6% เนื่องจากปัจจัยบั่นทอนจากผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐและจีนผ่อนคลายลงที่มีการเปิดเจรจาทบทวนการลดภาษีและนำเข้าสินค้าเกษตร สะท้อนถึงสัญญาณเทรดวอร์จะไม่หนักกว่าปีนี้ จะสร้างบรรยากาศของการค้าโลกดีขึ้น ประเมินได้ว่าปีหน้าการส่งออกจากติดลบ 5% ปีนี้กลับเป็นบวก 1.8% หรือในกรอบ 0.1-3.4% แต่ยังต้องติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า และผลจากอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็ทซิท) จะมีผลต่อการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นและการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศและต่างประเทศ บวกกับรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ 2563 ในต้นปีหน้า และผลต่อเนื่องจากมาตรการรัฐที่ออกมาก่อนหน้านี้ ทั้งการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ กระตุ้นท่องเที่ยว จ่ายเงินส่วนต่างประกันรายได้ และการออกมาตรการช่วยเหลือภาครัฐที่จะทยอยออกในต้นปี พร้อมกับการผลักดันการเกิดใช้ระบบ 5จี ยิ่งทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว คาดว่าหลังไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 เศรษฐกิจจะขยายตัวได้สูงกว่าปีนี้

แม้ปัจจัยบั่นทอนอีก 2 เรื่องที่ต้องติดตามและรัฐบาลเตรียมรับมือ คือผลกระทบต่อเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งที่มีโอกาสหลุด 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ไปอยู่ที่ 29.50 บาท กระทบต่อการแข่งขันด้านราคาของไทย แต่เชื่อว่าเมื่อกำลังซื้อโลกดีขึ้น และแผนการผลักดันตลาดค้าใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและส่งออกไทยได้ จากคุณภาพสินค้าของไทยและสินค้าที่หลากหลายของไทยช่วยได้ ส่วนดอกเบี้ยเชิงนโยบายเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะตรึงดอกเบี้ย 1.25% และไม่น่าจะเป็นดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว

Advertisement

ที่ต้องติดตามอีกเรื่องคือ การเคลื่อนไหวทางการเมือง แม้ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวแฟลชม็อบของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และมีการประกาศว่าจะเคลื่อนไหวต่อในปีหน้า หากการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมายและในกติกาที่ทำได้ มีการชุมชนจำกัดในพื้นที่ ไม่ลุกลามรุนแรงจนกระทบต่อความเชื่อมั่นและกระทบต่อความมั่นใจการท่องเที่ยวไทยของต่างชาติ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี ปรับทีมเศรษฐกิจ แต่ยังคงนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้ว่าจะผลักดันและพัฒนาประเทศอย่างไร ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร

การเมืองหากไม่มีอะไรที่รุนแรงกว่าปัจจุบัน แม้จะมีการประท้วงนอกสภาแต่อยู่ในหลักกติกาบนพื้นที่จำกัดไม่มีเหตุรุนแรงกว่าที่เคยมา ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการท่องเที่ยว ไม่บั่นทอนอารมณ์การซื้อสินค้า เศรษฐกิจก็ไม่น่าเป็นห่วง การจะปรับเปลี่ยนทีมรัฐมนตรี ก็เหมือนตอนนี้เรืออยู่กลางทะเลที่มีคลื่นลมแรงจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจไม่ดี การจะเปลี่ยนกัปตันเรือก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น ใจร้ายไปไหน เพิ่งทำงานมา 6 เดือน ตอนนี้มาตรการที่ทำมาช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ก็เริ่มออกดอกออกผลและมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจแล้ว หากมีการปรับตัวดูแลเศรษฐกิจน่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง และนายกรัฐมนตรีติดใจเอง แต่ก่อนที่จะมีการปรับอะไรหรือถึงขั้นยุบสภา ควรดำเนินการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนที่จะเกิดการเลือกตั้งทั่วไป เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นการวัดความต้องการในแต่ละพื้นที่ประเทศนำไปสู่การวัดฐานเลือกตั้งประเทศ การเปลี่ยนแปลงตอนนี้เชื่อว่าไม่ได้ดูแค่ตัวบุคคล แต่มองในเรื่องการผลักดันเศรษฐกิจอย่างไร

หัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา

Advertisement

การชุมนุมแฟลชม็อบที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะส่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างแน่นอน สังเกตได้จากขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยตกลงทันทีหลายจุด และยิ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. ประกาศนัดชุมนุมรอบสองอีกในเดือนมกราคมปีหน้า ยิ่งทำให้การลงทุนในประเทศไทยทรุดลงไปอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักลงทุนจะมองถึงความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองถึงจะกล้าลงทุน เมื่อบ้านเมืองไม่สงบใครจะกล้านำเงินมหาศาลมาเสี่ยงลงทุน

รัฐบาลควรหันมามองภาพรวมของประเทศชาติบ้าง เราพูดคุยถึงเรื่องการสร้างความปรองดองมานานแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลสร้างบรรยากาศการปรองดองให้เกิดขึ้นได้สักที ยังคงมีการใช้กลยุทธ์ต่างๆ เล่นงานฝั่งตรงข้าม ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลอย่างดุเดือดทุกวัน ประกอบกับเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนด้วย ทั้งศึกนอก ศึกใน รัฐบาลจะรับมือไหวหรือ ทางที่ดีอยากให้รัฐบาลเปิดการเจรจายุติความขัดแย้งภายในประเทศลงให้ได้เสียก่อน บางเรื่องที่พอจะเจรจาได้ก็ควรทำ แม้ไม่ถูกใจบ้าง แต่ต้องยอมถอยเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ แต่บางเรื่องที่ม็อบเรียกร้องมากไป ผมก็ไม่เห็นด้วย

เห็นแล้วว่า แฟลชม็อบของพรรคอนาคตใหม่จุดติดแล้ว เพียงเริ่มต้นในเมืองหลวงก็ทำให้นักลงทุนเริ่มหวั่นไหวจนตลาดหุ้นไทยปั่นป่วน หากขยายวงกว้างไปสู่หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดอีก คงจะขยายวงกว้างเป็นไฟลามทุ่งแน่ เพราะถ้าเกษตรกรส่วนใหญ่ในต่างจังหวัด ที่กำลังเดือดร้อนกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผลผลิตทางการเกษตรขายไม่ได้ราคา ถ้าเข้ามาร่วมวงกับแฟลชม็อบ เศรษฐกิจไทยถึงคราวต้องพังทั้งประเทศแน่นอน รัฐบาลควรหาทางดับไฟแต่ต้นลม

สุพันธุ์ มงคลสุธี
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

ในมุมของภาคเอกชนนั้นยอมรับการชุมนุมแฟลชม็อบได้ หากอยู่ในกรอบของกฎหมายไม่อยู่นอกเหนือกฎหมาย ไม่เกิดความวุ่นวาย เนื่องจากขณะนี้ความเชื่อมั่นประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจกำลังปรับตัวดีขึ้น ที่ผ่านมา ฟิทช์ เรทติ้ง มูดี้ส์ เป็นบริษัทเครดิตเรตติ้งระดับโลก ได้ปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยสู่เชิงบวก ล่าสุด เอสแอนด์พี ยังปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยสู่เชิงบวกแล้ว รวมทั้งอาร์แอนด์ไอ ได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยดีขึ้นเช่นกัน หากมีความวุ่นวายจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้

สำหรับเศรษฐกิจปีนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายเชื่อมั่นว่าภาคการท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องมือหลักในการกระตุ้น เพราะเครื่องมือเศรษฐกิจหลักอย่างการส่งออกไม่ดีนัก นี่เป็นช่วงเดือนสุดท้ายแล้วคงไม่สามารถปรับตัวเลขได้มาก คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย คาดการณ์ตัวเลขส่งออกปีนี้ไว้ที่ -2 ถึง 0% และคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไว้ที่อยู่ที่ 2.7-3.0% ขณะที่กรอบเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.8-1.2%

ส่วนปี 2563 เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นจากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ล่าสุดเริ่มคลี่คลายลง รวมทั้งการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิท) ที่มีความชัดเจน เหล่านี้น่าจะหนุนการค้าของโลกทำให้เศรษฐกิจโลกมีโอกาสขยายตัวได้ ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศ ความหวังหลักยังมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการลงทุน การขับเคลื่อนงบประมาณ 2563 ที่คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในเดือนมกราคมนี้ โดยต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศอย่างต่อเนื่อง จะเป็นมาตรการใหม่หรือมาตรการที่ทำอยู่แต่ขยายเฟสออกไปก็ได้ ภายใต้เงื่อนไขการกำหนดเกณฑ์ให้มีการใช้จ่ายเงินในระบบให้หมุนหลายรอบ เพื่อให้ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ในฟากอสังหาริมทรัพย์ แม้จะมีมาตรการออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ประเด็นที่หลายฝ่ายเรียกร้องคือ อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกเลิก หรือปรับแก้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยกำหนดอัตราสินเชื่อต่อมูลค่าที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) เพราะแอลทีวีคือ อุปสรรคสำคัญในภาคอสังหาฯ นอกจากนี้ ควรกระตุ้นให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยด้วย

ส่วนการดูแลราคาสินค้าในภาคเกษตรที่รัฐบาลมีนโยบายประกันสินค้า ถือเป็นแนวทางที่ดีในการดูแลเกษตรกรระยะสั้น แต่สิ่งที่รัฐบาลควรระวังคือ งบประมาณในการช่วยเหลือต้องถึงมือประชาชนจริงๆ ไม่ใช่มีตัวแทนรับเงิน จนเกษตรกรไม่ได้เงินดังกล่าว

ว่าที่ร้อยเอกจิตร์ ศิรธรานนท์
ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง หอการค้าไทย

กรณีแฟลชม็อบ ความจริงไม่ควรจะมีการลงถนนกันในขณะนี้ ต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยยังไม่ดีจริงๆ ส่วนการลงทุนของต่างชาติก็ถือว่าแย่อยู่แล้ว การลงถนนถือเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เพราะนักลงทุนจากตอนแรกที่ไม่มีความเชื่อมั่นอยู่แล้ว จะส่งผลทำให้ความเชื่อมั่นได้รับผล
กระทบเพิ่มขึ้น การที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศนั้นๆ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะความมั่นใจในแง่ของการนำเงินเข้ามาแล้วจะไม่สูญเปล่า หากไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ของต่างชาติได้ การลงทุนของไทยก็จะยังเงียบต่อไป

หากการชุมนุมประท้วงยืดเยื้อจะส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจไทยที่ปัจจุบันก็ชะลอการเติบโตมากกว่าปกติอยู่แล้ว รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนักลงทุนในระยะยาว เพราะการเข้ามาลงทุนต่างชาติก็จะเกิดความไม่มั่นใจในเรื่องเงินลงทุนที่จะหายไปหรือไม่ และหากไม่มั่นใจก็ไม่มา เพราะตัวเลือกประเทศที่มีศักยภาพและมีความน่าเชื่อถือก็มีมาก ไม่ได้มีแค่ประเทศไทยเท่านั้น การอยู่ในยุคของโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดการปลุกปั่นกระแสต่างๆ จึงเกิดแฟลชม็อบได้ง่าย แต่ไม่ได้หมายความว่าการแสดงออกในจุดยืนของตัวเองเป็นเรื่องไม่ดี การชุมนุมหรือลงถนนก็ทำได้ แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสงบ ไม่สร้างความเดือดร้อน และไม่เกิดการทำลายข้าวของเหมือนในฮ่องกง ที่ส่งผลลบได้มากแน่นอน

แม้การเกิดแฟลชม็อบจะสามารถทำได้ แต่ก็ไม่ควรเกิดขึ้นบ่อยๆ หากจะบอกว่าประเทศไทยต้องมีความสงบ แต่ความสงบหมายถึงการควบคุมประชาชนไม่ต้องการให้แสดงออกในเรื่องใดทั้งสิ้น ให้สิทธิประชาชนทำตามใจของภาครัฐเท่านั้น ก็คงไม่ใช่ความสงบอย่างแท้จริง เพราะหากมีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลาไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์มากขึ้น หากภาพเกิดขึ้นในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะมีความสงบหรือไม่สงบ ประเทศก็พังทั้งในแง่ของระบบเศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือทั้งนั้น

ทางออกของปัญหาคือทุกฝ่ายต้องสร้างเป้าหมายรวมกัน ยึดหลักประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสิ่งแรก ภายใต้การทำความเข้าใจก่อนว่า การจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูก 100% หรือมีความเป็นธรรม 100% คงไม่สามารถทำได้ เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ขาวสะอาดทั้งหมดจริงๆ ความจริงแล้วระบอบประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะแค่เป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากจะบอกว่าต้องการให้บ้านเมืองสงบก็ถือเป็นแนวคิดที่ถูก แต่ไม่ใช่เป็นการควบคุมประชาชน ให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง นอกจากนี้ มองว่าการเกิดเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพียงแค่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะความรุนแรงในแง่การเมือง

บุญทา ชัยเลิศ
รองประธาน ส.อ.ท.ฝ่ายอาเซียนสัมพันธ์ ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่

หากชุมนุมด้วยความสงบเรียบร้อยไม่สร้างความวุ่นวาย และไม่ก่อความรุนแรงถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ มองว่าเป็นความสวยงามของประชาธิปไตย อยากให้รัฐบาลยอมรับความเห็นต่างเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้สะท้อนความต้องการภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ควรไปปิดกั้นการแสดงออกด้านสิทธิเสรีภาพประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

เชื่อว่าการชุมนุมแฟลชม็อบไม่ส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวเชียงใหม่เพราะเป็นการชุมนุมชั่วคราว ไม่ได้ปักหลักนานจนบานปลาย อยากให้ทุกฝ่ายอดทน อดกลั้น ไม่ยั่วยุและไม่สร้างความรุนแรง อยากให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยไม่ว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนหรือคัดค้านรัฐบาล เพราะเป็นชาวเชียงใหม่ด้วยกัน ที่สำคัญเจ้าหน้าที่รัฐที่บังคับใช้กฎหมายไม่ควรสร้างเงื่อนไขดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม อาจสร้างความไม่พอใจและต่อต้านรัฐบาลมากขึ้นจนกลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือนเดิม

ไม่ว่ามีการชุมนุมเกิดขึ้นหรือไม่ เชียงใหม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนเดิม นักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลง 50-60% โดยเฉพาะชาวจีนหันไปเที่ยวเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว กัมพูชา และเวียดนามมากขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 8 ล้านคน ปีนี้กลับเพิ่มเป็น 25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 300-400% ทั้งนักท่องเที่ยวจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อาเซียน และยุโรป โดยเมืองดานัง เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของเวียดนาม มีโรงแรมมากกว่าเชียงใหม่ถึง 3 เท่าตัว ถูกจองเต็มหมดตลอดปี จึงกระจายไปพักที่เมืองเว้ ที่อยู่ห่างไปถึง 100 กิโลเมตรแทน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image