พรรคอนาคตใหม่ ลงมติขับ 4 ส.ส.งูเห่าพ้นพรรคไปแล้ว
มีนักวิชาการออกมาให้ความเห็นตามหลักวิชาการว่า กรณีอย่างนี้ ส.ส.ควรพ้นสมาชิกภาพ แล้วให้ลงเลือกตั้งใหม่ เพื่อถามประชาชนว่ายังให้ความไว้วางใจหรือไม่
เป็นหลักการที่ดี ฟังแล้วรู้สึกเป็นเหตุเป็นผล แต่อาจจะไม่สอดคล้องกับประชาธิปไตยแบบไทยๆ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา
ดังที่เห็นว่า รัฐธรรมนูญ 2560 เขียนเปิดช่องให้ ส.ส.ที่ถูกขับ หาพรรคใหม่สังกัดได้
สุดท้ายเข้าใจว่า ทั้ง 4 ส.ส. คงมีบ้านใหม่ให้อยู่กันอย่างสุขสบายโดยถ้วนหน้า
ถ้าต่อไป 4 ส.ส.ชุดนี้ไปทำซุกซนซ้ำอีก แล้วเกิดโดนขับอีก ก็จะไม่พ้นจากสภาโดยง่าย ด้วยเหตุดังกล่าว
กรณีการขับ 4 ส.ส. น่าจะทำให้บรรดางูเห่าทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคไหน มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า จะไม่พ้นจากสถานะ ส.ส.โดยง่าย
แม้จะมีพรรคสังกัด แต่ก็ไร้พรมแดน เลื้อยไปเลื้อยมาได้อย่างอิสระเสรีเลยทีเดียว
การขับงูเห่าของพรรคอนาคตใหม่ มีผู้นำฝ่ายค้านบางพรรคไม่เห็นด้วย บอกว่าไม่เป็นผลดีกับการต่อสู้ของฝ่ายค้าน เพราะเท่ากับทำให้อีกฝ่ายได้เปรียบ
ก็ไม่ผิด ถือเป็นการมองในเชิงยุทธวิธี การขับ ส.ส.ลดทอนกำลังของตนเองนั้น อีกฝ่ายยิ้มกว้างแน่นอน
ในเชิงหลักการ ด้วยพฤติกรรมแบบนี้ พรรคการเมืองต้องลงโทษ และเมื่อลงโทษหนักถึงขั้นขับ พรรคอื่นก็ไม่ควรรับไว้
แต่ก็มีพรรครับไว้ เชื่อว่าลึกๆ พรรคที่รับไว้ไม่ได้แฮปปี้สักเท่าไหร่
ในใจต้องรู้ว่า จะมีความเสียหายทางการเมืองแน่ ลงพื้นที่พบประชาชน หรือพบมวลชนที่เป็นฐานเสียงมีสิทธิโดนต่อว่าต่อขาน
แต่เพื่อประโยชน์เฉพาะหน้า เพื่ออำนาจต่อรอง ก็ต้องรับไว้ เพราะสภาพเสียงปริ่มน้ำ ทำให้ทุกพรรคต้องดิ้นรน รักษาเสียงที่มีอยู่ และเพิ่มจำนวนหากเป็นไปได้
นอกจากงูเห่าในอนาคตใหม่แล้ว ยังต้องรอดูว่า พรรคเพื่อไทยจะจัดการยังไงกับงูเห่าของตนเอง
แต่เชื่อว่า อีกฟากคงแง้มประตูรอรับเข้าสังกัด
ในภาพรวม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่เป็นผลดีต่อสภาทั้งระบบ
ประชาชนที่เลือกผู้แทนฯเข้าไป คงไม่ได้หวังให้ผู้แทนฯเข้าไปทำอะไรโลดโผนแบบนี้
เป็นรัฐบาลก็ทำหน้าที่รัฐบาลไป เป็นฝ่ายค้านก็ค้านไป ตรวจสอบไป
ก็ต้องถือว่า เป็นอีกจุดหนึ่งในรัฐธรรมนูญ ที่ควรไปศึกษาและทบทวนกันว่า พรรคการเมืองน่าจะมีอำนาจจัดการกับงูเห่า หรือ ส.ส.ที่ไม่อยู่ในวินัยพรรคได้ขนาดไหน
หวังว่าจะไม่ศึกษากันยืดเยื้อจนงูเห่าขยายพันธุ์เต็มสภา
วรศักดิ์ ประยูรศุข
