ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 9 คน ได้รับฉายาต่างๆ กัน อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น “อิเหนาเมาหมัด” รองนายกฯได้ฉายาต่างๆ กันไปตามบทบาทการทำงาน และการเมือง ครม.ได้ชื่อว่า “รัฐเชียงกง” วาทะแห่งปี เป็นคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ว่า อย่าเพิ่งเบื่อผม ผมยังอยู่อีกนาน ฉายาจากสื่อทำเนียบในปีนี้ ในภาพรวมไม่ถึงกับเอาเป็นเอาตาย และเลือกใช้คำอย่างมีอารมณ์ขัน อันเป็นจุดเด่นสำคัญของการตั้งฉายาที่เป็นประเพณีสืบต่อกันมานาน
ครม.ที่ได้รับฉายา แสดงปฏิกิริยาแตกต่างกันไป สำหรับนายกรัฐมนตรีมีอาการไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนให้สัมภาษณ์ในวันต่อมาว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร อยากตั้งอะไรก็ตั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องตลกและเรื่องล้อเล่นในการทำงานของพวกเรา ไม่เช่นนั้นก็ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีกำลังใจทำงาน เพราะทำไปแล้วก็ตั้งกันเป็นแบบนี้ ขอให้รู้ว่าไม่ได้สนุกสนานมากนักหรอก และกล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า วันนี้อาจเสียงดังนิดนึง เพราะวันจันทร์เรื่องมันเยอะ แต่วันพุธก็คงหมดแรง ยืนยันทุกอย่างไม่มีปัญหาอะไร ทำได้ ตนไม่ได้โมโหใคร อย่างน้อยแค่อยากให้รู้ว่าตนคิดอะไร และไม่ได้ตำหนิ แม้จะเสียงดังก็เรื่องของตน จะกลัวทำไม ขณะเดียวกันขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ขออย่าโกรธอย่าเคืองกันปีเก่า หากทำอะไรไม่ถูกใจก็ขออโหสิกรรมด้วยทั้งชาตินี้และชาติต่อไป
การตั้งฉายาจากสื่อทำเนียบ เป็นอีกเรื่องวัฒนธรรมการเมืองไทย และเป็นวัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์กัน มิใช่เยินยอกันร่ำไป ถือเป็นภาพสะท้อนการทำงานจากผู้สื่อข่าวทำเนียบ อันเป็นกระจกบานที่อยู่ใกล้ตัวนายกฯมากที่สุด ซึ่งอาจนำไปใช้ปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ที่ผ่านมา ผู้ได้รับฉายามักน้อมรับเอาไปทบทวนตนเอง อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่ได้รับฉายาเห็นว่าไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ก็สามารถโต้แย้ง หรือทำความเข้าใจกันได้ ฉายาที่สื่อทำเนียบตั้งขึ้นนี้ ยังเผยแพร่สู่สังคมวงกว้าง หากประชาชนไม่เห็นด้วย ก็จะทักท้วงด้วยอีกทางหนึ่ง
