ปี2563 ถือเป็นอีกปีที่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังลุ่มๆ ดอนๆ และคงต้องลุ้นกันเหนื่อยอีก
ล่าสุด ธปท.คาดการตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้จะอยู่ที่ 2.8% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.5% ในปีที่ผ่านมา
โดยปัจจัยหนุนเศรษฐกิจจะมาจากภาคการส่งออกที่น่าจะปรับดีขึ้นจากการค้าโลกที่มีทิศทางดีขึ้น จากสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐและจีน คาดมูลค่าการส่งออกขยายตัว 0.5%
แรงหนุนผลจากการลงทุน โดยการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ผ่านการพิจารณาของสภา
การท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวต่อเนื่องคาดจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 41.2 ล้านคน
ตัวเลขดังกล่าวปรับลดลงจากเดิมที่ ธปท.คาดว่า จีดีพีปีนี้จะโตเกิน 3%
ขณะที่หลายฝ่ายออกมาส่งสัญญาณเตือนรัฐบาล ให้รับมือกับปัญหาเศรษฐกิจในปีนี้
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เตือนว่า ปัญหาที่น่ากังวลในปีนี้มี 4 ประเด็น
1.การว่างงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นถึงกว่า 500,000 คน
2.หนี้เสียในระบบธนาคารจะเพิ่มขึ้น จากรายได้ของประชาชนที่ลดลง และจากบริษัทห้างร้านที่ธุรกิจย่ำแย่
3.ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่า ที่ตอนนี้แข็งค่าทะลุต่ำกว่า 30 บาทแล้ว จะส่งผลต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว
ของไทย
4.ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ ที่ประชาชนอาจจะทนลำบากกันไม่ไหว และหมดหวังในรัฐบาลนี้
ในรอบปีที่ผ่านมาปฎิเสธไม่ได้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยสร้างผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนมากมาย
โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางลงมาจนถึงระดับล่าง มีคนจำนวนมากต้องตกงาน ผลพวงจากการปิดตัว ของสถานประกอบการ และโรงงานจำนวนมาก
ผลสำรวจภาวะการมีงานทำของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เดือนพฤศจิกายน 2562 พบตัวเลขคนมีงานทำ 38 ล้านคนลดลง 5.5 แสนคน
จำนวนผู้ว่างงาน อยู่ที่ 4.29 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราว่างงานร้อยละ 1.1. เพิ่มขึ้น 6 หมื่นคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2561
ตัวเลขการว่างงานจึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงว่า ปีนี้จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน
รศ.ยงยุทธ์ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ ที่ได้เผยแพร่ผลการวิจัย ผ่านทางเว็บไซต์ทีดีอาร์ไอช่วงเดือนพ.ย.62 ระบุ ว่า ตลาดแรงงานจะค่อยๆ มีปัญหามากขึ้นๆ ถ้าผลกระทบจากภายนอกที่ไทยควบคุมไม่ได้ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปีหน้าและต่อๆ ไป
คงต้องรอดูว่ารัฐบาลจะมีนโยบาย หรือมาตรการอะไรออกมาบ้าง เพื่อแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ที่ว่ากันว่าเป็นปีเผาจริง
เพราะหากรัฐบาลยังล้มเหลวในเรื่องนี้ ก็ยากที่จะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน
สุพัด ทีปะลา
