สถานีคิดเลขที่12 : ข่าวลือไวรัส โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับมือและต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019-nCoV หรือไข้อู่ฮั่น นอกจากด้านสาธารณสุขแล้ว ก็เห็นจะวุ่นๆ อยู่กับการปราบปรามข่าวปลอม หรือเฟคนิวส์ เกี่ยวกับไวรัส อยู่ไม่น้อย

พอพูดถึงปฏิบัติการจัดการกับข่าวลือข่าวปลอมไปจนถึงข่าวที่ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ก็ต้องยกให้จีน เพราะมีกำแพงยักษ์ใหญ่ในโลกออนไลน์ เพียบพร้อมไปด้วยระบบการเซ็นเซอร์ กฎระเบียบเข้มงวด และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่แข็งขัน จนติดอันดับโลก

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวต่างประเทศต่างพากันนำเสนอเรื่องคุณหมอจักษุ วัย 34 ปี ที่ตกเป็นข่าวว่าถูกเช็กบิลข้อหาปล่อยข่าวลือ ทั้งๆ ที่เป็นคนส่งข่าวเตือนแพทย์คนอื่นๆ เกี่ยวกับการระบาดไวรัสโคโรนาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562

ตอนนั้นหมอหลี่ก็ยังไม่รู้ว่าเชื้อที่มีผู้ป่วยหลายคนเป็นโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพียงสงสัยว่าอาการคล้ายๆ ซาร์ส จึงบอกเพื่อนๆ หมอในกลุ่มแชท และเตือนว่าควรต้องสวมชุดป้องกันเพื่อเลี่ยงการติดเชื้อกันไว้ก่อน

Advertisement

ปรากฏว่า หมอถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจับลงชื่อในหนังสือเตือนว่าอย่าปล่อยข่าวลือให้คนตื่นกลัวอีก จากนั้นก็ถูกตำรวจสอบสวนพร้อมคนอื่นๆ ที่เข้าข่ายแบบเดียวกันอีก 8 คน

จนต่อมาเรื่องเริ่มกระจ่างว่าอะไรเป็นอะไร ทางการท้องถิ่นจึงขอโทษหมอหลี่ แต่หมอหลี่เองก็ติดเชื้อจากคนไข้ไปแล้ว พ่อแม่หมอก็ติดไปด้วย เพราะตอนแรกเจ้าหน้าที่รัฐเมืองอู่ฮั่นยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเชื้อนี้ติดจากคนสู่คนได้ ทำให้ไม่มีการออกแนวทางปฏิบัติคุ้มครองหมอที่ทำงานอยู่

กระบวนการที่มัวแต่จะเอาผิดคนก็เลยวุ่นวายและก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบอย่างที่ไม่น่าจะเกิด

Advertisement

การจับกุมผู้ปล่อยข่าวลือที่เจ้าหน้าที่จีนระบุว่าหามาที่ไปไม่ได้จำนวน 8 รายดังกล่าว ปรากฏว่าไม่ได้มีทุกคนที่เห็นด้วย

เช่นผู้พิพากษาศาลฎีกา ชื่อ ถัง ซิงหัว เขียนจดหมายแจ้งถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจนครอู่ฮั่น ว่าควรจะบรรเทาปฏิบัติการปราบปรามให้ลดลงบ้าง เนื่องจากเห็นว่า บางเรื่องไม่ได้ก่อผลร้ายแรง กลับทำให้สาธารณชนเร่งป้องกันโรคภัยด้วยความตื่นตัว เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือทำความสะอาดสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงตลาดค้าสัตว์ป่า

นอกจากนี้ยังเห็นว่า ยิ่งใช้มาตรการเข้มงวดจัดการ จะยิ่งทำให้พรรคคอมมิวนิสต์สูญเสียแรงสนับสนุนจากประชาชน และนั่นไม่เป็นผลดีต่อการรวมใจและความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคนี้

คำแนะนำจากท่านเปารายนี้น่าจะเป็นข้อคิดสำคัญให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ควรต้องใคร่ครวญให้ดีๆ เพราะอะไรที่เกินเหตุมักมีผลตีกลับไปสู่รัฐบาลด้วย ดังนั้นต้องคิดให้หนักและรอบด้าน

อย่างบ้านเราก็มีเจ้าหน้าที่ไปตามไล่จับคนปล่อยข่าวปลอมเช่นกัน ทำไวยิ่งกว่าไปรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่นเสียอีก จึงน่านำความเห็นของท่านเปาไปคิดดูด้วย

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่หรือนักการเมืองที่ไม่เก่งในการแยกแยะว่าอะไรเป็น ข่าวปลอม อะไรเป็นข้อวิจารณ์ คำไหนเสียดสี-เปรียบเปรย ถ้อยคำไหนบิดเบือน

ถ้าแยกแยะไม่เก่งแล้ว ก็ยิ่งทำให้เฟคนิวส์ เฟคหนักขึ้นไปอีก เผลอๆ ก็อาจจะเผยความเฟคของตัวเองด้วยเช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image