วังสำหรับผู้ดีแห่งท้องถนน : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

จตุรัสเซนต์ปีเตอร์ที่วังมิลีออรีตั้งเยื้องทางขวามือ

เนื่องในวันมาฆบูชาปีนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ที่เศร้าสลดจากการฆาตกรรมหมู่ที่โคราช ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผู้เขียนเอง ทำให้คนไทยทั้งประเทศจิตตกกันโดยทั่วหน้า แต่อย่างไรก็ดี ผู้เขียนก็ได้รับทราบเรื่องดีๆ อันเป็นมงคลของเพื่อนต่างศาสนาด้วยความมุทิตาจิตรู้สึกสุขใจจนอยากจะแบ่งปันความปีติให้กับท่านผู้อ่านที่เคารพบ้างครับ เพื่อที่จะบรรเทาความเศร้าโศกไปได้บ้าง

ขอเริ่มเรื่องมงคลนี้ที่ข้างๆ บาทวิถีที่มีหลังคาและเสาเรียงกันเป็นแถวโอบล้อมลานจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ที่กรุงวาติกัน นั้นคือวังมิลีออรี ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 ของขุนนางผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง และใน พ.ศ.2473 เจ้าของได้บริจาควังมิลีออรีให้กับกรุงวาติกัน และบรรดาเหล่าแม่ชีได้ใช้วังมิลีออรีนี้เป็นสถานที่แรกรับเด็กหญิงวัยรุ่นที่ท้อง โดยไม่มีพ่อเป็นเวลาร่วม 70 ปี จนบรรดาเหล่าแม่ชีได้สถานที่ใหม่ที่ใหญ่โตกว้างขวางกว่าจึงขยับขยายย้ายออกไปเมื่อปีที่แล้ว

ทางการวาติกันจึงดำริที่จะแปลงวังมิลีออรีนี้ให้กลายเป็นโรงแรมห้าดาว เพื่อที่จะรับรองแขกกระเป๋าหนักที่ต้องการที่จะพักอยู่ที่โรงแรมที่อยู่ติดกับลานจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์รวมทั้งผู้ที่มีศรัทธาแรงกล้าที่ต้องการจะมาฟังพระสันตะปาปาเทศน์กลางแจ้งที่ลานจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์อย่างสะดวก โดยคิดค่าห้องพักคืนละหลายร้อยเหรียญสหรัฐเพื่อเป็นการหารายได้เข้ากรุงวาติกันต่อไป แต่พระสันตะปาปาฟรานซิสผู้เพิ่งเสด็จมาเยือนประเทศไทย เมื่อปีที่แล้วกลับมีความเห็นเป็นตรงกันข้าม โดยสันตะปาปาฟรานซิสต้องการแขกที่จะมาพักอยู่ที่วังมิลีออรีเป็นคนอีกพวกหนึ่ง คือ บรรดาคนไร้บ้านที่มีอยู่เป็นจำนวนมา จึงสั่งให้ดัดแปลงวังมิลีออรีเป็นวังสำหรับผู้ดีแห่งท้องถนน หรือเป็นสถานที่พักพิงสำหรับผู้เร่ร่อนไร้บ้านแทน แบบว่าทางวาติกันจะไม่ได้เงินแล้วแถมต้องเสียเงินอีกซึ่งตรงกับคำประกาศของพระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อครั้งรับตำแหน่งสันตะปาปาเมื่อ พ.ศ.2556 ว่า

“ข้าพเจ้าจะทำให้ศาสนจักรเป็นศาสนจักรที่จนสำหรับคนยากจน”

Advertisement
สันตะปาปาร่วมเสวยอาหารกับคนไร้บ้าน
ภายในวังมิลีออรีมีภาพวาดปูนเปียกอยู่บนฝาผนัง

นอกจากนี้ ยังตรงต่อคำขอของพระคาร์ดินัลจากบราซิลต่อพระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อครั้งที่พระสันตะปาปาฟรานซิสได้เข้ารับตำแหน่งประมุขแห่งวาติกัน ที่ว่า

“ขอพระองค์อย่าลืมคนจน”

วังมิลีออรีเป็นตึก 3 ชั้นที่มีเพดานของทุกชั้นเป็นไม้แกะสลักโอ่อ่ามีภาพวาดปูนเปียก (frescoed เป็นจิตรกรรม เป็นวิธีที่ใช้สีผสมน้ำแล้ววาดลงบนปูนปลาสเตอร์ ที่ปาดไว้บางๆ บนฝาผนังที่ เมื่อทาสีลงไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรทาเคลือบให้สีติด เพราะปูนปลาสเตอร์จะเกิดปฏิกิริยาเคมีกับสีติดปูน เมื่อทาสีจะซึมลงไปในปูนที่ยังชื้นพอปูนแห้งก็จะมีปฏิกิริยาเคมีกับอากาศทำให้สีติดผนังได้อย่างถาวร คนวาดต้องมีฝีมือชั้นยอดจริงๆ เนื่องจากวาดได้ครั้งเดียวยากที่จะแต่งเติมได้) ที่สวยงามตามฝาผนังและพื้นปูด้วยกระเบื้องอย่างดีสมกับเป็นวังของขุนนางผู้ร่ำรวยโดยแท้

Advertisement

วังผู้ดีแห่งท้องถนนนี้สามารถรับคนไร้บ้านทั้งชายและหญิงได้ถึง 50 คนเพราะเป็นอาคารที่มีห้องถึง 16 ห้อง ซึ่งสามารถวางเตียงนอนได้ห้องละ 2-3 คน นอกจากนี้ ยังสร้างห้องน้ำที่ฝักบัวไว้อาบน้ำทุกห้องขึ้นใหม่ 13 ห้องโดยมีอาหารปรุงใหม่ร้อนๆ ให้คนไร้บ้านเหล่านี้วันละ 2 มื้อคือมื้อเช้ากับมื้อเย็น และที่วังผู้ดีแห่งท้องถนนยังมีบริการทางการแพทย์และมีจิตแพทย์ให้คำแนะนำแก่คนไร้บ้านที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังอีกด้วยโดยผู้ที่เข้ามาพักสามารถอยู่อาศัยในวังผู้ดีแห่งท้องถนนได้เรื่อยไปไม่มีกำหนดให้ออก

วังผู้ดีแห่งท้องถนนนี้เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562 คนไร้บ้านที่มาพักหลายคนก็ได้งานทำและบางคนญาติก็มารับกลับบ้าน ปัญหาคนไร้บ้านเป็นปัญหาทางสังคมของโลกที่ใหญ่หลวงมากจริงๆ นะครับ ในเมืองไทยเราก็เห็นอยู่ตำตาทั่วไป

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image