ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
คำตอบจาก ทบ. คำถามที่ค้างคา กรณีกราดยิงโคราช
เหตุการณ์กราดยิงสังหารหมู่ในจังหวัดนครราชสีมา ยังมีหลายประเด็นที่จะต้องรอการสะสาง
เพื่อให้สังคมร่วมกันเรียนรู้ และสรุปบทเรียน
หาทางป้องกันมิให้เหตุทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
หนึ่งในองค์กรที่จะต้องร่วมหาข้อสรุปกับส่วนอื่นๆ ในสังคม ก็คือกองทัพบก
ตระหนักดีถึงแรงกดดันที่พุ่งมาจากทุกส่วนของสังคม
11 กุมภาพันธ์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เปิดแถลงข่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าว
โดยสรุปว่ามูลเหตุของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ เนื่องจาก “ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ” จากการผิดสัญญากันในเรื่องผลตอบแทน
รวมทั้งยืนยันว่า ทบ. มีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันคลังอาวุธกระสุนมานานแล้ว แต่อาจมีหน่วยงานที่หละหลวมก็ต้องลงโทษ และเพิ่มมาตรการให้รัดกุมยิ่งขึ้น
แต่
“ณ วินาทีที่ผู้ก่อเหตุได้ลั่นไกสังหารคู่กรณี ณ วันนั้น ณ นาทีนั้น เขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว”
ก่อนจะหลั่งน้ำตากล่าวว่า
“ผมในฐานะ ผบ.ทบ. พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้สภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นดีขึ้น ส่วนประชาชนที่เสียชีวิต ทบ.ก็พร้อมจะรับครอบครัวเข้ารับราชการตามคุณวุฒิการศึกษา
“ผู้บาดเจ็บที่เสียโอกาสประกอบวิชาชีพ ทบ.อ้าแขนรับท่านโดยไม่มีข้อแม้”
นอกจากนั้นยังระบุด้วยว่า จะมีการเปิด “ช่องทางลับ” ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเอาเปรียบส่งเรื่องร้องเรียนโดยตรง
พร้อมทั้งจะล้างบางธุรกิจภายในกองทัพด้วยและในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายนนี้
“ตั้งแต่นายพลยันพันเอกไม่มีงานทำแน่หลายคน และผมก็ไม่สนด้วย รู้สึกว่ามันไม่ถูก”
รวมทั้งภายในสิ้นเดือนนี้ นายทหารที่เกษียณอายุราชการแล้ว แต่พักอาศัยในพื้นที่ราชการ ให้ย้ายออก
“ท่านอย่าด่ากองทัพบก ท่านอย่าด่าทหาร กองทัพบกเป็นองค์กร ไม่มีความรู้สึก
“กองทัพบกเป็นองค์กรแห่งความศักดิ์สิทธิ์ องค์กรด้านความมั่นคง
“ถ้าจะด่า ให้มาด่า พล.อ.อภิรัชต์”
แต่เมื่อถูกถามย้ำว่า ผบ.ทบ. จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร จะลาออกหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า
“มันสมควรที่จะใช้คำถามนี้กับผมหรือเปล่า
“อะไรที่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำ ผมรับผิดชอบ แต่ผมไม่สามารถที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดจากเหตุการณ์ส่วนตัว กระทำผิดกฎหมายอาชญากรรม
“อันนั้นผมรับไม่ได้”
โดยพลัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความระบุว่า “แต่ ณ วินาทีลั่นไกสังหารคู่กรณี ณ นาทีนั้นเขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว” คือวาทกรรมเพื่อปัดความรับผิดชอบของกองทัพ
การที่ทหารสังหารเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมากด้วยอาวุธมากมายของกองทัพ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
หากไม่มีสำนึกนี้จะไม่มีการแก้ไขปรับปรุงมาตรการที่เกี่ยวข้องให้ดีขึ้น
ส่วนที่ ผบ.ทบ.ว่ามีมาตรการดูแลอาวุธอยู่แล้ว แสดงว่ายังไม่ยอมรับว่ามาตรการยังไม่ดีพอ มีข่าวการขโมย ปล้นหรือเผาคลังอาวุธอยู่บ่อยๆ แต่เรื่องก็มักเงียบหายไป ไม่ปรากฏว่ามีการยกเครื่องมาตรการ
และกรณีกราดยิงที่โคราช ตอกย้ำความหละหลวมของมาตรการบนความสูญเสียมหาศาล
แม้จะมีผู้แสดงความเข้าใจและเห็นใจใน “ความกดดัน” ที่กองทัพ และผู้บริหารกองทัพได้รับ
แต่คำถามและความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวมิได้จางหายไปไหน
ตั้งแต่ “การแสดงความรับผิดชอบ” โดยการกระทำ
รวมไปถึงการจัดการกับปัญหาในเชิง “โครงสร้าง”
มิใช่ด้วยวิธีการส่วนตัว เพียงการเปิด “ช่องทางลับ”
การบ้านของกองทัพบกและ พล.อ.อภิรัชต์ยังไม่ลดลงไป
แม้จะแถลงเปิดใจแล้วก็ตาม