สะพานแห่งกาลเวลา : ตื่นตัวได้แต่อย่าตื่นตูม โดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

ยิ่งนับวันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นทุกที

เพราะการระบาดกำลังส่อเค้าว่ากำลังขยายตัวจากการเป็น “เอพิเดมิค” (epidemic) เป็น “แพนเดมิค” (pandemic) มากขึ้นทุกที

นัยของคำทั้งสองนี้ในทางระบาดวิทยาไม่เหมือนกันนะครับ

ทั้งสองคำนี้ในภาษาไทยหมายถึงการแพร่ระบาดเหมือนๆ กัน แต่ในภาษาอังกฤษ คำว่า “เอพิเดมิค” แสดงนัยถึงสถานะของการระบาด ในขณะที่ “แพนเดมิค” แสดงนัยถึงพื้นที่ของการระบาดเพิ่มเติมเข้าไปด้วย

Advertisement

ตัวอย่างเช่น เมื่อครั้งที่โควิด-19 ยังจำกัดอยู่แค่ในอู่ฮั่น นักระบาดวิทยามักเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า “เอาต์เบรก” (outbrake) แต่เมื่อองค์การอนามัยโลกพบว่าการระบาดแผ่กว้างออกไปคลุมเกือบทั้งพื้นที่ทางตะวันออกของจีน คำเรียกขานก็เปลี่ยนไปเป็น “เอพิเดมิค”

“เอพิเดมิค” ยังมีนัยถึงการระบาดอย่างต่อเนื่องแบบ “เอาไม่อยู่” ในช่วงเวลาหนึ่งอีกด้วย เราจะเห็นว่าองค์การอนามัยโลกใช้คำเรียกนี้เมื่อ 23 มกราคม หลังจากเกิดการระบาดใหญ่ในจีนแล้ว

คำว่า “แพนเดมิค” คือ “เอพิเดมิค” ที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ หลายทวีป

Advertisement

โควิด-19 ปรากฏใน 50 ประเทศแล้วก็จริง แต่ส่วนใหญ่ยังจัดแค่เป็นการระบาด หรือไม่ก็เป็น “คลัสเตอร์” คือระบาดจากการแพร่ของพาหะเดียวกันเป็นกลุ่มก้อน ยังไม่ได้เป็น “เอพิเดมิค” ครับ

ยกเว้นใน 3 ประเทศที่ “ฮู” จับตามองอยู่อย่างใกล้ชิดคือ อิหร่าน เกาหลีใต้ แล้วก็อิตาลี

ผมเชื่อว่าหากในประเทศทั้ง 3 ยังเกิดการระบาดแบบนอกเหนือการควบคุมอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง 1-2 สัปดาห์ โควิด-19 ก็จะถูกเปลี่ยนสถานะไปเป็น “แพนเดมิค”

ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างประเทศ วิเคราะห์จากข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับไวรัสโคโรนานี้แล้วคาดการณ์คล้ายๆ กันว่า โควิด-19 น่าจะลงเอยด้วยการเป็นโรคระบาดที่แพร่ไปข้ามประเทศข้ามทวีปอย่างที่เรียกว่า แพนเดมิค นี้มากกว่าอย่างอื่น

บางคนถึงกับขนานนามแล้วว่านี่คือ แพนเดมิคหนแรกในยุค “โพสต์โมเดิร์น” ของมนุษยชาติ

มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้คาดการณ์เช่นนั้น แต่ปัจจัยที่สำคัญก็คือ ธรรมชาติของโควิด-19 กับธรรมชาติของการไปมาหาสู่กันและกันของมนุษย์ในยุคนี้แหละครับ

โควิด-19 มีธรรมชาติหลายอย่างเอื้อต่อการแพร่ระบาดแบบไม่รู้ตัว ตั้งแต่การที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บางคนแทบไม่แสดงอาการด้วยซ้ำไป ทั้งยังอาจสามารถแพร่ได้ทั้งที่ไม่แสดงอาการ และระยะฟักตัวก็ไม่แน่นอน

ธรรมชาติเหล่านี้ทำให้จริงๆ แล้วเราไม่รู้หรอกว่ามีคนติดเชื้ออยู่เท่าใดกันแน่ แล้วเราก็ห้ามคนทุกวันนี้ไม่ให้ไปไหนมาไหนยากเสียด้วย

นักระบาดวิทยาบางคน อย่างเช่น มาร์ค ไลป์ซิทช์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยา ถึงกับคาดการณ์ว่า ในที่สุดแล้วเราก็จะควบคุมโควิด-19 ไม่อยู่ คน 40-70 เปอร์เซ็นต์ของโลกจะติดเชื้อ

ในขณะที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนจำนวนนั้นมีอาการไม่มากนัก แต่ถ้าอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 2 เปอร์เซ็นต์จริงๆ จำนวนคนที่จะตายก็น่าตกใจอยู่นะครับ ถ้าคำนึงถึงว่าคนทั้งโลกในตอนนี้มีร่วมๆ 7,000 ล้านคน

แต่นั่นเป็นการคาดการณ์ครับ เป็นการคาดการณ์ในทางที่แย่ที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งก็ดีไปอย่าง คือเตือนให้ทุกคนตื่นตัวระมัดระวัง พร้อมรับมือ

ตื่นตัวนะครับ ไม่ใช่ตื่นตูม แล้วก็ไม่ควรแตกตื่นจนทำให้ชีวิตตัวเองและคนรอบข้างลำบากลำบนกันไปด้วย

ต้องตื่นตัวติดตามข่าวคราวที่เป็นข้อเท็จจริงแล้วประยุกต์การใช้ชีวิตตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ให้ได้

จนถึงบัดนี้ ผมก็ยังเชื่อที่กระทรวงสาธารณสุขบ้านเราบอกเอาไว้ กินร้อน ช้อนกลาง แล้วก็ล้างมือ ยังคงได้ผลลดโอกาสการติดเชื้อได้ไม่น้อย

ระมัดระวัง รักษาสุขภาพ ทำร่างกายให้แข็งแรง ก็เป็นอีกทางที่จะบรรเทา ข้อมูลผู้ติดเชื้อเบื้องต้นบอกไว้แล้วว่าส่วนใหญ่ของคนที่เสียชีวิตมักมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจอยู่ก่อน หรือไม่ก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ หรือภูมิคุ้นกันอ่อนแอมากๆ อย่างเช่น ผู้สูงอายุมากๆ เป็นต้น

การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัส เช่น ไปใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือสัมผัสกับพื้นที่ติดเชื้อ ซึ่งเขาบอกว่าถ้าเป็นโลหะมันจะอยู่ได้ราว 2 ชั่วโมง พื้นผิวแบบอื่นอาจอยู่นานกว่านั้น ราว 6 ชั่วโมง

ถ้าล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้มือสัมผัสหน้า ตา ปาก ทำความสะอาดพื้นผิวด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อตามจังหวะเวลาก็ช่วยได้เช่นกัน

สุดท้ายแล้ว นักระบาดวิทยาเชื่อว่า โควิด-19 อาจไม่หายไปไหน แต่จะกลายเป็นโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ที่ 5 ที่อยู่คู่กับมนุษย์ เป็นไวรัสประจำฤดูกาล ทำนองเดียวกับไวรัสอินฟลูเอนซา ที่กลายพันธุ์มาจากเอช1เอ็น1 แล้วเราเรียกกันว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009

แล้วคร่าชีวิตคนทั่วโลกราว 650,000 คนทุกปีนั่นแหละครับ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image