ภาพเก่าเล่าตำนาน : แค้นนัก..จักต้องข่มขืน : เรียบเรียงโดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ภาพจาก ILLUSTRATED HISTORY: RELIVE THE TIMES: Images Of War, History ... incredibleimages4u.blogspot.com

ยามศึกสงคราม “การข่มขืนผู้หญิง” ของฝ่ายที่แพ้สงคราม ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของการล้างแค้น สร้างรอยด่างให้เผ่าพันธุ์ชนชาติศัตรูแบบลบทิ้งไม่ได้ เป็นการระบายความใคร่อันป่าเถื่อนของ “ผู้ชนะ” ประสงค์ที่จะสร้างความเจ็บแค้น สร้างแผลในจิตใจให้ฝังลึก ยาวนาน….เหตุการณ์เช่นนี้ ซ้ำรอย…มีมานานนับพันปี…

ประวัติศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจถึงปัจจุบัน เป็นความขมขื่นของสตรีเยอรมันเกือบ 2 ล้านคน ที่ถูกทหารของฝ่ายชนะสงคราม ขยี้ข่มขืนนานหลายปี เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาที่กองทัพนาซีเยอรมันกำลังอ่อนแรง แพ้สงครามและช่วงถูกยึดครอง มีเอกสารยืนยัน มีการสร้างภาพยนตร์นำมาเปิดเผยไปทั่วโลก….

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตนายสิบที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ.2457-2461) สร้างตัว บ่มเพาะอุดมการณ์รักชาติ ผันตัวไปเป็นนักการเมืองที่ครองใจประชาชนคนผิวขาว ผมทอง ตาสีฟ้า “เผ่าพันธุ์เยอรมัน” ให้คลั่งไคล้ มีเหลี่ยมเล่ห์สารพัดในทางการเมือง… ในที่สุดก็ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของเยอรมัน

พรรคนาซีของฮิตเลอร์ พลิกแผ่นดินเยอรมันให้ฟื้นจากสภาพ “ผู้แพ้” สงครามโลกครั้งที่ 1 ทะเยอทะยาน มีความฝันจะสร้างชนชาติเยอรมันให้เป็นมหาอำนาจของโลก

Advertisement

1 กันยายน พ.ศ.2482 เขาตัดสินใจนำพากองทัพเยอรมันอันเกรียงไกร เข้มแข็ง เปิดฉากบุกโปแลนด์ ทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อล้างอาย ขอแก้มือ…

ศักยภาพทางทหารกองทัพนาซีเฉียบขาด ทันสมัย วินัยเยี่ยม อาวุธสุดยอด สามารถบุกตะลุย ยึดครองดินแดนในยุโรปส่วนใหญ่ได้ดังใจปรารถนา

กองทัพฝรั่งเศสที่ถือว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 2 ของโลกในเวลานั้น กลับถูกกองทัพนาซีเอาชนะได้ในเวลาแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น..เยอรมันยึดฝรั่งเศสได้ค่อนประเทศ

Advertisement

23 มิถุนายน 2483 ฮิตเลอร์ ไปเดินผิวปาก ถ่ายภาพหน้าหอไอเฟลในปารีสแบบสะใจ….เขย่าขวัญทุกประเทศทั่วโลก

ดินแดนยุโรป ราบคาบอยู่ภายใต้ท๊อปบู๊ตของทหารนาซี หน่วยราชการลับ SS ของฮิตเลอร์ยังทำหน้าที่ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว” ไล่ล่า สืบค้น ที่ซุกซ่อนชาวยิวทั่วยุโรปเพื่อสังหารยิวให้หมดไปจากโลกนี้

ทหารนาซีตั้ง “โรงงานฆ่ายิว” หลายแห่ง ที่ฆ่าทำยอดมากที่สุด คือที่ค่ายกักกัน เอาช์วิตซ์ (Auschwitz) ในโปแลนด์ ทหารนาซีจับชายหญิงชาวยิวในยุโรปใส่รถไฟ โกนหัว เปลือยกาย เข้าคิว ทยอยเดินเข้าห้องอบก๊าซพิษตายไปราว 3 ล้านคน เรียกว่า Holocaust หรือ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวครั้งใหญ่” …เอาศพไปโยนลงหลุม เอารถแทร็กเตอร์ฝังกลบเพราะเผาไม่ทัน

เมื่อรวมจากทุกค่ายกักกัน…นาซีสังหารชาวยิวไปราว 6 ล้านคน

ทหารนาซีโหด เหี้ยม สังหารประชาชน คู่แข่งทางการเมือง ลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่า คนแก่แบบสนุกสนาน มันมือ

ประชาชนของประเทศผู้แพ้ ถูกสังหารตายเหมือนมด เหมือนปลวก เคียดแค้น ชิงชัง ชนชาติเยอรมันแบบ 7 ชั่วโคตรก็อภัยไม่ได้….

ช่วงเวลานั้น เยอรมันครองยุโรปได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นเกาะอังกฤษที่ยังหนังเหนียว ถล่มด้วยระเบิดทั้งวันทั้งคืน ยังไม่ยอมแพ้…

จอมเผด็จการฮิตเลอร์ เกลียด เขม่น หมั่นไส้โซเวียตมานาน…

12-14 พฤศจิกายน พ.ศ.2483 เยอรมนีได้ส่งข้อเสนอชวนสหภาพโซเวียต ให้เข้ามาจับมือกับกองทัพนาซีเป็นฝ่ายอักษะ

25 พฤศจิกายน พ.ศ.2483 สตาลินตอบว่า “ไม่เอาด้วย”

เช้ามืดวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2484 ทหารยานเกราะ ทหารราบ รถถัง ปืนใหญ่ ของเยอรมันประมาณ 2.6 ล้านนาย รุกทะยานพุ่งเข้าสู่ดินแดนโซเวียต มีรหัสลับว่า ปฏิบัติการบาร์บารอสซา (Operation Barbarossa)

สตาลินนึกไม่ถึงว่าฮิตเลอร์จะกล้าหักหลังโซเวียต เพราะมีกติกาสัญญานาซี-โซเวียต (Nazi-Soviet Pact) ว่าจะไม่รุกรานกันระหว่างเยอรมัน-โซเวียต ที่ลงนามกันไว้เมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ.2482

สตาลินรู้จักฮิตเลอร์น้อยไป….

กองทัพเยอรมันบุกทะลวงแนวรบของทหารโซเวียต ตีแตกทุกป้อมค่าย ทุกเมือง กองทัพแดงของโซเวียตตั้งหลักไม่ทัน กองทัพไม่เป็นเอกภาพ บ้านเมืองแหลกลาญ ประชาชนล้มตายนับล้าน

อาวุธทุกชนิด เครื่องบินรบของทหารนาซีที่ฝึกมา เหนือชั้นกว่ากองทัพแดงหลายขุม

ก่อนหน้านั้น สตาลินผู้นำของโซเวียต ที่ปฏิวัติยึดอำนาจมาได้ ทำการกวาดล้าง ปลดนายทหารและประหารชีวิตทหารครั้งใหญ่เพื่อเอาทหารฝ่ายตน ค้ำบัลลังก์ทางการเมือง (พ.ศ.2478-2481)

นายทหารของกองทัพแดงทั้งหมดในเวลานั้น คือ นายทหารที่ “ไว้ใจได้ทางการเมือง” เป็นนายทหารที่ไม่มีประสบการณ์ทางการรบและประการสำคัญ คือ นายทหารเหล่านี้ไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะริเริ่มในการทำสิ่งใดๆ และส่วนใหญ่ขาดการฝึกฝน

กองทัพยานเกราะ ทหารราบ ปืนใหญ่ของนาซี บดขยี้กองทัพแดงของโซเวียตราบเป็นหน้ากลอง ชาวโซเวียตถูกสังหารแบบทารุณ …นี่คือ เพลิงแค้น

ที่เล่ามายาวยืด ชักแม่น้ำทั้ง 5 ก็เพื่อให้เห็น “ความคั่งแค้นสะสม” ที่ทุกชนชาติมีต่อชาวเยอรมัน โดยเฉพาะโซเวียต

สงครามดำเนินต่อไป…หากแต่ความบ้าคลั่งของฮิตเลอร์ที่ไปบุกโซเวียตกลับกลายเป็น “จุดผกผัน” ของสงคราม กองทัพและประชาชนโซเวียต สู้พลาง ถอยพลาง ลากเกมให้ยาว เพื่อถ่วงเวลา ตั้งใจจะฝังทหารนาซีให้หนาวตายในหิมะของดินแดนหมีขาวให้จงได้

เมืองเคียฟ (Kiev) และนครเลนนินกราด (ปัจจุบันคือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) คือ สมรภูมิโหดที่กองเยอรมัน บดขยี้ เผาเมือง สังหารประชาชนอย่างเหี้ยมโหด ปิดล้อมเมืองให้ประชาชนอดตาย

ในระหว่างปี พ.ศ.2486-2488 ทหารนาซีสังหารโหดชาวโซเวียตตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้ เป็น กลุ่มคนที่นาซีกล่าวหาว่าเป็น “Partisans” คือเป็น “กลุ่มผู้เข้าข้าง” กับชาวยิว

ประชาชน และกองทัพโซเวียต ก็สู้ยิบตา…โลกยกย่อง …

ทหารเยอรมันที่ตั้งใจจะปิดเกมสงครามก่อนหน้าหนาวเริ่มอ่อนแรง ในที่สุดเด็กหนุ่มนาซีต้องจมอยู่ในหิมะตายไปเกือบ 1 ล้านนาย

กองทัพเยอรมันที่กำลังจะเป็นผู้ครองโลกเริ่มระโหย โรยแรง

กองทัพสัมพันธมิตร ที่ประกอบกำลังขึ้นมาใหม่ มีอังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา โดยมีพี่เบิ้มสหรัฐที่ยังสดชื่นเป็น “มวยหลัก”… อเมริกามีกองทัพขนาดมหึมาที่พร้อมรบที่สุด เป็นหัวหอกลุกขึ้นสู้เพื่อขยี้นาซี

เช้า 6 มิถุนายน 2488 วันดีเดย์ (D-Day) ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรนับแสนนาย ยกพลขึ้นบกที่หาด นอร์มังดีของฝรั่งเศส รุมกินโต๊ะนาซี สนธิกำลังเข้าตีกองทัพเยอรมันให้ถอยร่นไปเรื่อย

ปลายทางของกองทัพสัมพันธมิตร คือ กรุงเบอร์ลิน

ของฟรีไม่มีในโลก…สัมพันธมิตรเริ่มมีชัยในสงคราม เพราะเยอรมันทะลึ่งไปบุกโซเวียตจนอ่อนแรง กองทัพหลัก 4 ประเทศนับล้านนาย ที่เคยถูกเยอรมันบดขยี้…แย่งชิงกันจะขอเข้ายึดกรุงเบอร์ลิน

การยึดเมือง ยึดดินแดนของศัตรู คือ รางวัลของสงคราม

พฤษภาคม 2488 ช่วงที่เยอรมันกำลังจะพ่ายแพ้ กองทัพแดงของโซเวียตที่ฟื้นขึ้นมาได้ ตกลงกับอเมริกา จัดกำลังรุกโรมรันมุ่งหน้าสู่กรุงเบอร์ลินอย่างหิวกระหาย

ตลอดเส้นทางการบุกในดินแดนเยอรมัน กองทัพแดง ได้โอกาสแก้แค้น ตรวจค้นตามบ้าน สถานที่ทุกแห่งเพื่อจะสังหารทหารนาซี และนี่คือ ฉากหนึ่งอันสยดสยองของสตรีเยอรมันที่ต้องพลีร่าง

วิญญาณปีศาจเข้าสิงสู่ทหารผู้ชนะโดยธรรมชาติ ทหารกองทัพแดงนับแสนนาย ยึดข้าวของ เสบียงอาหาร ข่มขืนสตรี เด็กผู้หญิงชาวเยอรมัน สังหารทิ้ง แบบไม่มีใครห้ามใครอย่างเมามัน…

30 เมษายน 2488 ฮิตเลอร์ชิงลงมือยิงตัวตาย ในฟือเรอร์บุงเคอร์ ส่วน เอวา เบราน์ ภรรยา ตัดสินใจซดยาพิษฆ่าตัวตายด้วยไซยาไนด์ ก่อนตาย ฮิตเลอร์สั่งทหารให้นำศพเขาและภรรยาไปใส่หลุมที่ขุดเตรียมไว้บริเวณด้านหลังทำเนียบ

นายทหารคนสนิทราดน้ำมัน จุดไฟเผาร่างทั้งสอง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายศัตรูนำศพไปประจานและกระทำย่ำยี

7 พฤษภาคม 2488 ทหารสัมพันธมิตร 4 ประเทศ คือ กองทัพแดงของรัสเซีย สหรัฐ ฝรั่งเศส และอังกฤษ แย่งกัน ชิงดีชิงเด่น กรีธาทัพบุกยึดเบอร์ลินแล้ว “แบ่งเค้กกัน”…

แบ่งดินแดนเยอรมันออกเป็น เยอรมันตะวันตก กับ เยอรมันตะวันออก

กองทัพโซเวียต ได้ส่วนแบ่งพื้นที่ “เยอรมันตะวันออก”

ชาวเยอรมันที่สูงอายุ ถูกยิงทิ้งเหมือนสัตว์ป่า เพื่อสางแค้น…

ผู้หญิงเยอรมันที่หลบหนีไม่พ้นนับแสนคน ตกเป็นเชลย ถูกแปรสภาพเป็น เหยื่อแห่งราคะ ชำระหนี้สงคราม ชำระแค้น

มันเป็นอาชญากรรมข่มขืนที่ยาวนาน ตั้งใจ เป็นความปรารถนาจะย้ำแค้นที่ทหารเยอรมันไปทำลายล้าง สร้างศัตรูไว้ทั่วทวีปยุโรป…

“การข่มขืน” ผู้หญิงของชาติศัตรู ถือเป็นสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ชายที่เป็นปรปักษ์กัน เพื่อหยามเกียรติและศักดิ์ศรีของศัตรู

ทหารสัมพันธมิตรครอบครองดินแดนเยอรมันอยู่นานนับปี โดยเฉพาะทหารกองทัพแดง ก่ออาชญากรรมต่อผู้หญิงเยอรมันนับล้านคน เกิดเป็นมนุษย์ขึ้นอย่างน้อย 4 แสนคน

ช่วงเวลานั้น มิพักต้องพูดถึงเรื่องของมนุษยธรรม คุณธรรม กฎบัตร กฎหมายใดๆ ทั้งนั้น “ผู้ชนะ” ที่ถืออาวุธ อุดมสมบูรณ์ด้วย โลภะ โทสะ โมหะ และแค้น คือ กฎหมาย

มีการคาดการณ์กันว่าผู้หญิงเยอรมันถูกข่มขืนโดยทหารจากกองทัพโซเวียต เป็นจำนวนมากกว่า 1,400,000 คน

มีข้อมูลเป็นทางการระบุว่า บรรดาทหารฝ่ายสัมพันธมิตรทั้งหลายที่เป็น “คู่สงครามของเยอรมัน” ก็เออออห่อหมก ผสมโรงแค้นไปกะเค้าด้วย แต่จำนวนของทหารกองทัพแดงมากที่สุด…

สตรีหลายคนติดโรคทางเพศสัมพันธ์ อีกหลายคนตั้งครรภ์และทำแท้ง หรือหากพวกเธอคลอดลูก ก็จะทิ้งทารกของพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลที่ทำคลอด

ในช่วงสงครามเกือบทุกแห่งในโลก… การข่มขืน เรียกกันว่า wartime rape ผู้หญิงเป็นเหยื่อของความแค้นเสมอมา

หนังสือเรื่อง “เด็กในเขตยึดครองในเยอรมันหลังปี ค.ศ.1945” ที่บรรยายถึงอนาคตของเด็กเยอรมันที่เกิดในช่วงยึดครองหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบุว่า…

“…ช่วงที่ทหารสัมพันธมิตร 4 ประเทศยึดครองเยอรมัน มีการกล่าวหาทหารกองทัพแดงว่าก่อคดีข่มขืนถึง 2 ล้านราย มีเด็กเกิดใหม่อย่างน้อย 4 แสนคน ในจำนวนนี้อย่างน้อย 3 แสนคน เกิดจากทหารกองทัพแดงโซเวียต…”

เด็กเหล่านี้ เมื่อเติบโตขึ้นโดยมี “พ่อเป็นทหารของศัตรู” ล้วนเกิดในช่วงคริสต์มาสของปี พ.ศ.2488 เป็น “ลูกไม่มีพ่อ” เป็น “ลูกนอกกฎหมาย” ส่วนผู้หญิงเยอรมันผู้เป็นแม่ ก็ “ตายทั้งเป็น” ที่ผ่านมา ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น

ฝรั่งเศส เป็นประเทศเดียวที่มีนโยบายยอมให้สัญชาติฝรั่งเศสแก่เด็กๆ ที่มีพ่อเป็นทหารฝรั่งเศส ทำให้สามารถรับเด็กเหล่านี้ไปอุปการะเป็นลูกบุญธรรมได้ราว 1,500 คน

ผู้เขียนมิได้คิดชอบ เห็นชอบกับเรื่องเลวทรามต่ำช้าเหล่านี้ แต่มันคือ “ความจริง” ที่เกิดขึ้นเป็นไปตาม “ปฏิจจสมุปบาท” …เพราะความเกิดขึ้นของสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น

กงเกวียนกำเกวียน ครับ..ไปรังแก เอาเปรียบ ทำร้าย ฆ่าเค้า ..เค้าก็ต้องหาโอกาสเอาคืน ที่เลวร้ายที่สุด คือ คนบริสุทธิ์ ลูก หลาน จะกลายเป็นผู้รับกรรมเสมอมา…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image