ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
ภาพลักษณ์การเมือง หน้ากากอนามัยถึงไข่แพง กับ‘ประชาธิปัตย์’
พรรคประชาธิปัตย์ในยุคของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กำลังกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” หนักหนา สาหัสในทางการเมือง
จากกรณี “หน้ากากอนามัย” ถึง “ไข่แพง”
เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีความจำเป็นกับยุคสมัยแห่งการประกาศภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากสินค้าเหล่านี้ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด
มาตรการนี้จึงเท่ากับ “ตรวจสอบ” งานกระทรวงพาณิชย์
เป็นกระทรวงพาณิชย์ในความรับผิดชอบของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นกระทรวงพาณิชย์ในมือของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
เหมือนกระทรวงสาธารณสุขในมือของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
แต่ปัญหาอันเกิดกับกระทรวงพาณิชย์แตกต่างไปจากกระทรวงสาธารณสุขตรงที่มิได้เป็นปัญหาอันมาจากภายนอกอย่างเดียว
ตรงกันข้าม เป็นปัญหาจาก “ภายใน”
คําว่าปัญหา “ภายใน” ในที่นี้มิได้เน้นที่ภายในของรัฐบาล หากแต่เน้นที่ภายในของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นด้านหลัก
นั่นก็คือ การบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ว่าระหว่าง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ กับ ที่ปรึกษา ไม่ว่าระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ กับ อธิบดี
เกิดข้อครหา กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว
อื้อฉาวกระทั่งมีการฟ้องร้องระหว่างกรมการค้าภายในกับคนของกรมศุลกากร อื้อฉาวกระทั่งมีการเปิดโปงว่ามีคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้อง
จึงเกิดมีการทำหนังสือให้มีการสอบสวนภายในพรรคประชาธิปัตย์
เป็นการสอบสวนที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนหนึ่ง ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรค
ตรงนี้เป็นเรื่อง “อ-ปรกติ” ตรงนี้เป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา”
พลันที่ปัญหาการขาดแคลน “หน้ากากอนามัย” ขยายไปยังปัญหาการขาดแคลน “เจลล้างมือ” และเรื่องอื้อฉาวกรณี “ไข่แพง”
ผลก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ “รับเละ”
ผลก็คือ มีการรื้อฟื้นมาตรการของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่อง “ชั่งไข่” มีการรื้อฟื้นภาวะขาดแคลน “น้ำมันปาล์ม”
ล้วนเป็นฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์
จากยุคที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ยาวมายังยุคของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรค
สะท้อนประสิทธิภาพ สะท้อนฝีมือ
ขณะเดียวกัน เมื่อคำนึงถึงสโลแกนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการสร้าง “ประชาธิปไตยสุจริต” เข้าไปแทนที่ “ประชาธิปไตยทุจริต”
ภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ก็สะเทือน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทั่งรัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉินจึงยิ่งไล่ต้อนพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง ล้ำลึก
นำไปสู่การตั้งรับ มากกว่าจะรุก
ความอื้อฉาวนี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อสถานะของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หากกระเทือนต่ออนาคตทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์
หากมีการเลือกตั้งผลจะออกมาอย่างไร