ผู้เขียน | ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ |
---|
ก่อนถึงวันเอพริลฟูล 1 เมษายน มีผู้เชี่ยวชาญและรัฐบาลในหลายๆ ประเทศเตือนผู้คนก่อนว่า อย่าได้ล้อเล่นเรื่องโควิด-19 เพราะสถานการณ์นี้อะไรที่เป็นเรื่องโกหก กุเล่นๆ ล้อเล่นๆ ไม่ขำแล้ว
ไม่ขำยังไม่เท่าไหร่ แต่อาจจะบั่นทอนจิตใจผู้คนที่กำลังรู้สึกแย่ๆ กับโรคระบาดที่เล่นงานชาวโลกสะบักสะบอมราวกับผจญสงครามโลก
สงครามโลกทั้งสองครั้งในศตวรรษที่ 20 กินเวลาแต่ละครั้งนาน 4 ปี ส่วนสงครามโควิดเที่ยวนี้ เดิมคิดว่าอาจจะกินเวลาครึ่งปี เมื่อดูต้นแบบจากจีนที่ใช้เวลาคุมเชื้อระบาดราว 3-4 เดือน แต่พอคำนวณเอาผลกระทบทางเศรษฐกิจเข้าไปด้วย ระยะเวลาดูท่าจะยาวนานกว่านั้น
แปลว่าเราๆ ท่านๆ ต้องอยู่กับโควิดไปอีกนาน
ไม่เพียงประเมินจากข้อมูลสถิติของผู้เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์และสถาบันการเงินต่างๆ ถ้าย้อนไปอ่านโหรดังๆ ที่ทั้งมติชน-ข่าวสด เคยตีพิมพ์ตั้งแต่ต้นปีก็อาจจะร้องโอ้โหทำไมทำนายแม่นขนาดนี้
ตอนที่อ่านช่วงนั้นยังคิดในใจว่า เศรษฐกิจอะไรจะซึมได้ตลอดปี 2563 ยาวไปถึงปี 2564 แต่เมื่อโควิด-19 ระบาดให้เห็น ภาพที่จินตนาการไม่ออกก็เริ่มจะเห็นเค้าแล้วว่าจะเป็นอย่างไร
อาการสาหัสทางเศรษฐกิจครั้งนี้ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเองก็บอกว่าหนักกว่าสมัยต้มยำกุ้ง ปี 2540 ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่สหรัฐอเมริกาต่างก็บอกว่าหนักกว่าช่วงสหรัฐเจอก่อวินาศกรรมสะท้านโลกเมื่อ 11 กันยาฯ 2544 เสียอีก
ถ้าเอาต้มยำกุ้งมายำรวมกับ 9/11 ก็ยังไม่แน่ว่าผลกระทบจะเท่ากับโควิด-19 ครั้งนี้หรือไม่
ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำใจให้ได้คือ คนยุคนี้ ไม่ว่าจะรุ่นเบบี้บูม เจเนอเรชั่น X Y Z C ต้องอยู่กับโควิดและผลกระทบของมันไปอีกพักใหญ่
ระยะเบื้องต้นนี้คือ ออกสู่สังคมน้อยลง บริโภคน้อยลง และมีวินัยดูแลตนเองและคนรอบข้างมากขึ้น
ส่วนที่น่าเป็นห่วงคือ ความเห็นอกเห็นใจต่อคนที่ด้อยโอกาสกว่า สถานะและฐานะด้อยกว่าจะเป็นอย่างไร เพราะสถานการณ์บีบเหมือนให้ทุกคนต้องเอาตัวให้รอดก่อน
ธนาคารโลกเพิ่งเผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจล่าสุด จากการประเมินผลกระทบโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ว่า กรณีเลวร้ายที่สุดอาจจะส่งผลให้มีคนที่อยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจนเพิ่มขึ้นอีก 11 ล้านคน
รายงานนี้มาพร้อมกับเหตุการณ์ที่อินเดียล็อกดาวน์ และมีกลุ่มผู้ใช้แรงงานแห่กลับบ้าน เพราะที่กรุงนิวเดลีไม่มีงานให้ทำ ไม่มีบ้านที่มีห้องแยกให้อยู่กักตัวได้ ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ สถานการณ์นี้คงจะคล้ายๆ กับที่คนรีบออกจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับบ้าน ทันทีที่รู้ว่ารัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมสถานการณ์
แต่ที่ยังไม่เหมือนและหวังว่าจะไม่มี คือ เมื่อกลับไปบ้าน คนงานเหล่านี้ถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจับมานั่งรวมกันจากนั้นก็ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อใส่ตัวจนเปียกโชกก่อนจะให้แยกย้ายกันกลับไปบ้านได้
คำถามคือ ถ้าคนเหล่านี้มีฐานะจะถูกกระทำแบบเดียวกันหรือไม่
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนโควิดจะมาและคงจะอยู่ต่อไป